ผู้เขียน หัวข้อ: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน  (อ่าน 14262 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มะละกอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4291
  • 7C06BEF5 จาก X-Men
Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 12:55:23 น. »
งานศิลปะ  หมายถึงงานที่ถ่ายทอดความงดงามของความงดงามซึ่งมนุษย์รู้จักและซึมซับเอาความงดงามนั้นเก็บไว้ในใจ
ความงดงามนั้นสามารถคลุมและมีได้ทุกศาสตร์ที่มีในโลกนี้  ไม่เว้นแม้แต่ศาสตร์แห่งเสียงเพลง
เสียงเพลงซึ่งถ้าใช้หูฟังอย่างอย่างเดียว  แน่ละมันต่างจากการไปดูคอนเสิร์ตที่ได้ทั้งภาพและเสียง

ผมจึงใช้กติกาเล็กๆ น้อยๆ  ในการฟังแบบของผมต่อ Sonic Cell SF2 ครั้งนี้
โดยการฟังจะใช้ลำโพงแบบมีแอมป์ในตัวของ BOSE รุ่น Roommate  กำลังขับข้างละ 25 วัตต์
แต่ละตู้มีดอกเดียวประมาณ 4 หรือ 4.5 นิ้ว เบิร์นมากว่า 20 ปีแล้ว 
ที่สำคัญผมคุ้นหูและเป็นการฟังแบบ Near Field  จึงรับรู้ได้ไวกว่าในทุกด้านของบทเพลง


อิมเมจ
ซาวด์สเตจ
ไดนามิกส์คอนทราสต์  และ ไดนามิกส์ทรานเซี๊ยน
หัวเสียง ( Impact )
ความกว้างของเวทีเสียง
ความลึกของเวทีเสียง
ความเข้มของมวลของเนื้อเสียงของชิ้นดนตรี
ความเป็นสามมิติ
ขนาดของชิ้นดนตรี
ความใส ( transparency )

หัวข้อข้างบน 10 ข้อไม่จำเป็นจะต้องมีครบทุกเพลง  เพราะแต่ละเพลงจะไม่เหมือนกัน
และถ้าไม่เหลื่อบ่ากว่าแรงผมจะลองฟังผ่านมิกซ์แมกกี้ แอมป์คราวน์  และลำโพงประวัติศาสตร์ของท่านสไปเดอร์แมน 
     (ไม่รู้บ้านน้ำท่วมหรือเปล่าพักนี้ผมเองก็เสียมารยาทไม่ได้ทักทายนานเลยครับ  ได้แต่ผลัดวัน  น่าจะมาจากกินยาหมอหลังอาหารแล้วเบลอนอนลูกเดียว)

เพลงที่ฟังจาก Sonic Cell SF2  ผ่าน Sonic Cell USB AUDIO  ซึ่งเป็นซาวด์การ์ดในตัว
แล้วก็จะฟังซ้ำด้วย MIDI PORT ของ Sonic Cell อีกครั้งเพื่อเปรียบเทียบ
ผ่าน Xtreme Karaoke

ลองฟังไปแล้ว 2 เพลงครับ  ให้รู้สึกมึนตึ๊บ  ขออนุญาตไปเดินให้อาหารย่อย
กลับมาอาบน้ำให้ชื่นใจแล้วจะมานั่งฟังซ้ำอีกค่อยเล่าให้ฟังครับ  ซึ่งผมอาจต้องสวมเสื้อเกราะหรือเปล่าไม่แน่ใจ 
เพราะจะเล่าให้หมดเปลือกเท่าที่หูได้ยินครับ

ออฟไลน์ มะละกอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4291
  • 7C06BEF5 จาก X-Men
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 14:00:10 น. »
ผมเกริ่นตอนที่แล้วเรื่องของ งานศิลปะ
 ความงดงามที่เกิดขึ้นนั้นถ้าทุกคนมองเห็นพ้องต้องกัน ความงามก็คือความงาม
งานศิลปะจึงต้องใช้ทั้งเวลาเป็นอย่างมาก  เพราะมันเป็นงานที่ต้องใช้อารมณ์ที่มีอารมณ์สุนทรียจริงๆ 

กลับมาที่ Sonic Cell SF2  คงต้องบอกตามตรงว่า  ต้องรอการขัดเกลาต่อไป
ไม่ใช่ไม่ดี  ดีนะดีแน่  ก็ในเมื่อคัดเอาแต่วัตถุดิบที่สมบูรณ์สุดในยุคนี้มาเล่น
แต่มันจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นจนถึงกับที่เรียกว่า “แอบโซลูดซาวด์”  นั้นคงยังครับ

อันดับแรกในด้าน ไดนามิกส์ คอนทราสต์  สอบตกทีเดียวครับในสายตาของผม
อธิบายได้ดังนี้  วงดนตรีที่เล่นกันหลายชิ้น สมมุติว่ามีห้าชิ้น  เวลาอินโทรนั้นแน่ละมันจะโหมดังพร้อมกัน 
แต่พอท่อนต่อไป  มันจะมีชิ้นดนตรีชิ้นหนึ่งที่นำหน้า  มีชิ้นอื่นๆ สอดแทรกด้วยความดังที่น้อยกว่า 
ขณะเดียวกันกับที่เมื่อเวลาผ่านไป  ฟอร์มของบทเพลงจะเป็นตัวชี้ว่าดนตรีชิ้นที่นำอยู่นั้น
ต้องถอยออกเพื่อให้ชิ้นอื่นเข้ามามีบทบาทบ้างสลับกันไป  ดังนี้ถึงจะได้อารมณ์เพลง

ไดนามิกส์คอนทราสต์หมายถึงความความแตกต่างกันระหว่างความดังจากค่อยที่สุดถึงแรงที่สุด
Sonic Cell SF2   ในเพลงนวลปรางนางหมอง สุนทราภรณ์ ให้ดนตรีทุกชิ้นเพราะมากทุกชิ้นครับ 
แต่ความดัง ทำไมดังเท่ากันในลักษณะต่างคนต่างเล่น ดังในเชิงคล้ายแย่งกันเล่นด้วยความดังสูงสุดเท่าที่ทำได้ 
ถ้าในระบบพีเอแสดงว่าระบบลำโพงมอนิเตอร์ห่วย  ทำให้นักดนตรีได้ยินไม่เท่ากัน
เลยแต่ละคนเร่งเสียงของตัวเองขึ้น คนฟังก็เหนื่อย

“ผล”  จากข้อนี้มันสามารถไล่ย้อนกลับไปที่  “เหตุ”  ซึ่งจะมี ผล ถึงข้ออื่นๆ เช่น อิมเมจ  และความชัดเจนของเสียงแต่ละเสียง 
ยิ่งขนาดของเสียงชิ้นดนตรี ซึ่งมันมีเสียงหลักและเสียงรายรอบที่ห่อหุ้มเสียงหลักอยู่  ที่เรียกว่า “ฮาร์โมนิค”  ก็จะให้ไม่ได้
นี่คืองานหินของ ซาวด์เอ็นจิเนียร์ครับ 

เขียนมาได้แค่นี้รู้สึกเหนื่อยไม่น้อยเลย  สุขภาพด้านสมองและสายตาผมยังอ่อนแออยู่นะครับ
ขออนุญาตพักก่อน  ทั้งหมดอย่าเพิ่งเชื่อนะครับ  ถ้าใครมี Sonic Cell ลองสลับฟังแบบผมได้ก็จะค่อยๆ เข้าใจ

ออฟไลน์ นพ สุพรรณ

  • คณะก่อการ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 16000
  • HL#5490A920   (x-men)
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 14:42:05 น. »
ผมเกริ่นตอนที่แล้วเรื่องของ งานศิลปะ
 ความงดงามที่เกิดขึ้นนั้นถ้าทุกคนมองเห็นพ้องต้องกัน ความงามก็คือความงาม
งานศิลปะจึงต้องใช้ทั้งเวลาเป็นอย่างมาก  เพราะมันเป็นงานที่ต้องใช้อารมณ์ที่มีอารมณ์สุนทรียจริงๆ 

กลับมาที่ Sonic Cell SF2  คงต้องบอกตามตรงว่า  ต้องรอการขัดเกลาต่อไป
ไม่ใช่ไม่ดี  ดีนะดีแน่  ก็ในเมื่อคัดเอาแต่วัตถุดิบที่สมบูรณ์สุดในยุคนี้มาเล่น
แต่มันจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นจนถึงกับที่เรียกว่า “แอบโซลูดซาวด์”  นั้นคงยังครับ

อันดับแรกในด้าน ไดนามิกส์ คอนทราสต์  สอบตกทีเดียวครับในสายตาของผม
อธิบายได้ดังนี้  วงดนตรีที่เล่นกันหลายชิ้น สมมุติว่ามีห้าชิ้น  เวลาอินโทรนั้นแน่ละมันจะโหมดังพร้อมกัน 
แต่พอท่อนต่อไป  มันจะมีชิ้นดนตรีชิ้นหนึ่งที่นำหน้า  มีชิ้นอื่นๆ สอดแทรกด้วยความดังที่น้อยกว่า 
ขณะเดียวกันกับที่เมื่อเวลาผ่านไป  ฟอร์มของบทเพลงจะเป็นตัวชี้ว่าดนตรีชิ้นที่นำอยู่นั้น
ต้องถอยออกเพื่อให้ชิ้นอื่นเข้ามามีบทบาทบ้างสลับกันไป  ดังนี้ถึงจะได้อารมณ์เพลง

ไดนามิกส์คอนทราสต์หมายถึงความความแตกต่างกันระหว่างความดังจากค่อยที่สุดถึงแรงที่สุด
Sonic Cell SF2   ในเพลงนวลปรางนางหมอง สุนทราภรณ์ ให้ดนตรีทุกชิ้นเพราะมากทุกชิ้นครับ 
แต่ความดัง ทำไมดังเท่ากันในลักษณะต่างคนต่างเล่น ดังในเชิงคล้ายแย่งกันเล่นด้วยความดังสูงสุดเท่าที่ทำได้ 
ถ้าในระบบพีเอแสดงว่าระบบลำโพงมอนิเตอร์ห่วย  ทำให้นักดนตรีได้ยินไม่เท่ากัน
เลยแต่ละคนเร่งเสียงของตัวเองขึ้น คนฟังก็เหนื่อย

“ผล”  จากข้อนี้มันสามารถไล่ย้อนกลับไปที่  “เหตุ”  ซึ่งจะมี ผล ถึงข้ออื่นๆ เช่น อิมเมจ  และความชัดเจนของเสียงแต่ละเสียง 
ยิ่งขนาดของเสียงชิ้นดนตรี ซึ่งมันมีเสียงหลักและเสียงรายรอบที่ห่อหุ้มเสียงหลักอยู่  ที่เรียกว่า “ฮาร์โมนิค”  ก็จะให้ไม่ได้
นี่คืองานหินของ ซาวด์เอ็นจิเนียร์ครับ 

เขียนมาได้แค่นี้รู้สึกเหนื่อยไม่น้อยเลย  สุขภาพด้านสมองและสายตาผมยังอ่อนแออยู่นะครับ
ขออนุญาตพักก่อน  ทั้งหมดอย่าเพิ่งเชื่อนะครับ  ถ้าใครมี Sonic Cell ลองสลับฟังแบบผมได้ก็จะค่อยๆ เข้าใจ


จากที่อ่านรีวิวของป๋ามะละกอจนหมดทุกตัว  ทุกบรรทัด และพยายามตีความ ผมมีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งที่อยากพูดฝากถึงพี่อ๊อด ที่ผมเคยบอกผ่านข้อความส่วนตัวและผู้เกี่ยวข้อง

ผมหมดหน้าที่แล้วครับ

ออฟไลน์ MP

  • ผู้ดูแลระบบ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 123115
  • 9664E44E,11D88A55,7C1132A8
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 15:04:16 น. »
รู้ไหมหมอนพ ว่าทำไม?

ในความคิดผมนะครับ ที่ทำ sf มาถูกใจคนไทยทำการ samp เสียงเองเท่าไหร่
แม้แต่เจ้าเคหนุ่มเมืองน่าน เพียงแต่เอาเสีงที่คิดว่าดีที่สุดตามแหล่งต่างๆ มา
ปรุงไม่ให้มันขัดกัน เติมผงชูรสหน่อย ดันเสียงนิด การทำเองบางทีมาปรุงรส
มันดันไม่เหมาะซักที เหมือนขาดกะปินิด มะนาวหน่อย

พูดไปมั่วๆ งั้นแหล่ะ

 :cheer:

ออฟไลน์ นพ สุพรรณ

  • คณะก่อการ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 16000
  • HL#5490A920   (x-men)
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 15:13:13 น. »
รู้ไหมหมอนพ ว่าทำไม?

ในความคิดผมนะครับ ที่ทำ sf มาถูกใจคนไทยทำการ samp เสียงเองเท่าไหร่
แม้แต่เจ้าเคหนุ่มเมืองน่าน เพียงแต่เอาเสีงที่คิดว่าดีที่สุดตามแหล่งต่างๆ มา
ปรุงไม่ให้มันขัดกัน เติมผงชูรสหน่อย ดันเสียงนิด การทำเองบางทีมาปรุงรส
มันดันไม่เหมาะซักที เหมือนขาดกะปินิด มะนาวหน่อย

พูดไปมั่วๆ งั้นแหล่ะ

 :cheer:

รู้ความคิดผมได้ไง   :kiss2: :kiss2: :kiss2:

ออฟไลน์ MP

  • ผู้ดูแลระบบ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 123115
  • 9664E44E,11D88A55,7C1132A8
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 15:17:16 น. »
รู้ความคิดผมได้ไง   :kiss2: :kiss2: :kiss2:

อ้าว... แล้วน้ามาคิดแบบผมได้ไง  :kiss2: :love2:

ออฟไลน์ Nineyod

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 14294
  • 4864146E/786AD800 [วิทยา]8008FCC9
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 15:18:37 น. »
รู้ความคิดผมได้ไง   :kiss2: :kiss2: :kiss2:

ชื่อมีคำว่า นพเหมือนกันมั้งลุง(ผมมั่วกว่า).. :hap3:


ออฟไลน์ อ๊อด ลำพูน

  • คณะก่อการ
  • ระดับ 5
  • ***
  • กระทู้: 1281
  • HL#> 740EB29E
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 18:10:28 น. »
ได้อ่านบทความของป๋ามะละกอแล้ว ทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆ
เพราะบางทีการทำเองเล่นเองเข้าใจเอง มันยากในด้านการมอง
ไปข้างหน้า ผมเลยต้องหาตัวช่วยในการฟัง เพื่อให้เกิดมุมมองใหม่ๆ
ที่จะสามารถนำไปพัฒนาต่อไป ก็คงต้องรบกวนป๋ามะละกออีกหลาย
รอบอยู่ครับและผมจะนำไปปรับปรุ่งให้ดีให้ได้ครับ

งานนี้ไม่มีท้อไม่มีถอยครับ
รออ่านบทควานจากป๋าต่อครับผมชอบจริงๆครับป๋า
คงจะคิดหาทางทำต่อไปครับป๋า


ออฟไลน์ มะละกอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4291
  • 7C06BEF5 จาก X-Men
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 19:43:54 น. »
ผมเป็นแค่คนชอบฟังเพลงมากๆ คนหนึ่ง  และเผอิญเกิดก่อนเท่านั้นนะครับ
ความรู้ในเรื่อง SF2  ทำอย่างไรมีกลเม็ดอย่างไร  ถือว่าระดับเด็กก่อนเรียนอนุบาล
คือ  กิน เล่น ใช้  อย่างเดียว
จึงไม่ขอเรียกว่าเป็นการทดสอบ  หรือรีวิวใดๆ ทั้งสิ้น

เพราะการจะทำเช่นนั้นได้ต้องมีความรู้ดี
เมื่อสามารถฟังและติติงได้ก็ควรจะสามารถชี้แนวทางแก้ให้ได้  ซึ่งผมไม่มี
คือเมื่อมองเห็นปัญหาก็ต้องมีข้อเสนอแนะแนวทางแก้ให้ได้ด้วย

ผมนั่งรับลมเย็นอยู่หน้าบ้านหลังอาหารทุกมื้อ  มองผ่านสนามหญ้าออกไปมีต้นไม้ใหญ่ทั้งของเราและของเพื่อนบ้านหลายต้น 
สูงเกินหลังคาบ้าน 2 ชั้น  เป็นหมู่บ้านที่มีนกเกือบทุกชนิดอาศัยอยู่
เสียงร้องและเสียงคุยกันไปมาของนกหลายชนิด ดังตลอดเวลา  รอบทิศทาง  ไกลใกล้ สูงต่ำ
ซึ่งหูผมได้ยินและฟังได้ตลอดโดยไม่นึกรำคาญเลย 
หูสามารถแยกระยะใกล้ไกล  หน้าหลัง สูงต่ำ  แม้แต่เกาะอยู่บนหลังคาเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม ก็ยังได้ยินแผ่วเบา 
แต่ชัดเจนมากรู้ทันทีว่าเป็นเสียงนกเอี้ยง  หรือนกเขา 
การได้ยินจากแนวระนาบหน้าไปหลังแบบนี้ได้ชัดเจนแม้จะแว่วเบาๆ อยู่ไกลๆ 
ผมเรียกว่า ความใส ( Transparency )
( อันนี้จะเป็นที่มาของมิติ ซาวด์สเตจและอีกหลายอย่างซึ่งจะทำให้เกิดอารมณ์เพลงคล้อยตามก่อให้เกิดความสนุกตามมา )

นั่นแสดงว่า เสียงจากธรรมชาติแท้นั้น  หูเราได้ยิน แล้วส่งผ่านไปยังเครื่องแปลง 
เมื่อแปลงเสร็จส่งให้สมองรับรู้  สมองไม่ต้องประมวลผลมากก็เข้าใจทันที
ผมเคยทดลองเอากล้องวีดีโอที่ใช้ในงานของมืออาชีพซึ่งไมค์ไวมากอัดเฉพาะเสียงนกทั้งหลายดังกล่าว 
เมื่อนำมาเปิดฟังไปสักพักรู้สึกหนวกหูเสียงสารพัดนกเจี๊ยวจ๊าวให้รู้สึกรำคาญ
นั่นแสดงว่าเสียงที่อัดมาจากเครื่องซึ่งถือว่าใช้ได้  แต่มันก็มีความเพี้ยนอันเกิดจากวงจรไฟฟ้าทางอีเล็คโทรนิก 
สมองย่อมประมวลผลและพยายามแก้ไขเพื่อให้เหมือนธรรมชาติเมื่อแก้ไม่ได้
สมองต้องการหยุดฟังโดยสั่งงานให้ร่างกายเกิดอาการคลื่นไส้เวียนหัวเป็นต้น 
เรื่องแบบนี้วิทยาศาสตร์การแพทย์ยอมรับนะครับ

กลับมาที่ SF2   การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นสิ่งที่ดีมากผมชอบที่สุด เพราะได้ความรู้และนำไปพัฒนาต่อ 
สมัยหนุ่มสาวเวลาออดอ้อนแฟนด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย  มีเน้นคำมีหางเสียง  มีดังค่อยกระซิบกระซาบเสียงสูงต่ำ 
นั่นเป็นภาษาแห่งความรัก  ถือว่าเป็นภาษาดนตรีที่ไพเราะ 
บทเพลงก็เหมือนกัน  โน้ตตัวเดียวกันแต่คนละขั้นของเสียงและดนตรีชิ้นเดียวกัน
แต่มันสามารถสื่อให้รับรู้ว่าความไพเราะที่ว่านั้นนั้นมันเศร้าๆ จัง  และหรือมัน สนุกสนานหวานชื่นครับ 
โน้ตตัวเดียวแท้ๆ  เพียงแต่ใส่อารมณ์ลงไปเท่านั้น  คนเล่นดนตรีจะรู้ดีครับ

ออฟไลน์ Amorn Pattaya

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • **
  • กระทู้: 8384
  • HL#4C89B630 , 6EE74894,789AC331 ( X-men )
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 20:20:50 น. »
เห็นคล้อยกับ ป๋ามะละกออย่างมากเลยครับ ในเรื่องของอารมณ์ศิลปินหรือนักดนตรี ขณะที่เล่นหรือทำการแสดง บางครั้งจิตใจมีความกังวล
หรือ บางครั้งมีอารมโกรธ บางครั้งมีอารมณ์สนุก บางครั้งเบื่อหน่าย การบรรเลงดนตรีออกมาก็จะเป็นไปตามอารมณืนั้นๆ ครับ เป็นเรื่องจริง
 ถ้าหงุดหงิด วิตก เสียงเพลงที่บรรเลงจะออกมาแบบไม่สมบูรณ์ บางตัวโน๊ต มีหลุดบ้าง เพราะสมาธิที่จะเล่นไม่มี ผิดกับถ้าวันใด อารมณ์แจ่มใสการบรรเลงออกมาเสียงเพลงจะไพเราะพริ้วไปหมด ละเมียดละไม มีลูกเล่นเสริมเพื่อให้เกิดความรู้สึกที่แปลกออกไป เพิ่มรสชาด ให้คนฟังอีก
ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะตัวกระผมเองเป็นเช่นนั้น (อย่าเพิ่งเชื่อผม เพราะคนอื่นอาจจะไม่เป็นอย่างผมก็ได้ครับ...).... ;D ;D ;D

ออฟไลน์ อ๊อด ลำพูน

  • คณะก่อการ
  • ระดับ 5
  • ***
  • กระทู้: 1281
  • HL#> 740EB29E
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: วันที่ 7 ตุลาคม 2011, 21:48:31 น. »
ขอบพระคุณป๋ามะละกอ และพี่อมร มากๆครับสำหรับคำแนะนำ ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกัน
อีกสักพักคงจะมีให้ทดสอบกันอีกหลายๆครั้งครับ หวังว่ายังคงได้รับคำแนะนำดีๆแบบนี้อีกครับ
 :thank1:

ออฟไลน์ MP

  • ผู้ดูแลระบบ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 123115
  • 9664E44E,11D88A55,7C1132A8
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: วันที่ 9 ตุลาคม 2011, 11:32:30 น. »
นวลปรางนางหมองบ้าง จาก RMS ของท่าน MSC sf: SONiVOX GS250
มีบางช่วงอัดไม่ดี  :hap3: เล่นผ่าน RUBY MARKII กำลังจะส่งไปให้เจ้าของใหม่


[mp3=200,20,0,left]http://xmk.karaoke-soft.com//share/manop/r1.mp3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 9 ตุลาคม 2011, 11:34:40 น. โดย มานพ »

ออฟไลน์ ดอกแคนมิวสิค

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 153
  • 4D67AAC7 คำแคนสตูดิโอ
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2011, 19:08:41 น. »
sonic  cell คืออีหยังน้อ (ขอความรู้แบบสุดๆ) :thank1:
  :hap3:

ออฟไลน์ ภูวดิษฐ์

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 8175
  • HL740E3299
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2011, 19:19:20 น. »
จากที่อ่านรีวิวของป๋ามะละกอจนหมดทุกตัว  ทุกบรรทัด และพยายามตีความ ผมมีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งที่อยากพูดฝากถึงพี่อ๊อด ที่ผมเคยบอกผ่านข้อความส่วนตัวและผู้เกี่ยวข้อง

ผมหมดหน้าที่แล้วครับ

เหมือนกันครับ    ป๋ามะละกอ นี่ สุดยอดจริง ๆ วิจารณ์แบบมีหลักการอ้างอิงได้ชัดเจน

ออฟไลน์ นพ สุพรรณ

  • คณะก่อการ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 16000
  • HL#5490A920   (x-men)
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2011, 19:20:52 น. »
sonic  cell คืออีหยังน้อ (ขอความรู้แบบสุดๆ) :thank1:
  :hap3:

ใช้มันให้เป็นประโยชน์ครับ   ลองดูครับ  ไม่เสียหาย  รู้ทุกเรื่องที่อยากรู้   :th2: :th2:

http://www.google.co.th/search?aq=f&gcx=c&ix=c1&sourceid=chrome&ie=UTF-8&q=sonic+cell

ตัวอย่างที่ได้มา  อ่านไม่ออกก็พอจะมองเห็นว่ามันคืออะไร  ชิมิ   :o^: :o^: :o^:
http://www.roland.com/synth/SonicCell/index.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 ตุลาคม 2011, 19:23:00 น. โดย น้านพ สุพรรณ »

ออฟไลน์ ดอกแคนมิวสิค

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 153
  • 4D67AAC7 คำแคนสตูดิโอ
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2011, 20:28:23 น. »
เยี่ยมครับ เหมาะกับงานระบบเสียง  แต่ราคา.... ???

ออฟไลน์ นพ สุพรรณ

  • คณะก่อการ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 16000
  • HL#5490A920   (x-men)
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2011, 22:00:44 น. »
เยี่ยมครับ เหมาะกับงานระบบเสียง  แต่ราคา.... ???

รับงานละสองพันห้า  สิบกว่างานก็ได้คืนครับ   ;D ;D

แต่ถ้าพอใจกับที่มีอยู่  รับสิบกว่างานก็มีเงินสองหมื่นกว่าครับ   :hap3: :hap3:

ออฟไลน์ ดอกแคนมิวสิค

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 153
  • 4D67AAC7 คำแคนสตูดิโอ
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: วันที่ 23 ตุลาคม 2011, 06:20:15 น. »
มันเป็นโปรแกรม daw ใช่ไหมครับและ  เป็นซาวด์โมดูลด้วยจริงไหมครับ
และมันใช้กับโปรแกรมอื่นได้ไหมครับนอกจากโซนิคเซล เช่นคิวเบส  โลจิก  หรือโปรแกรมอื่นๆ
หลักๆก็คือมันทำงานยังไง

ออฟไลน์ มะละกอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4291
  • 7C06BEF5 จาก X-Men
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: วันที่ 23 ตุลาคม 2011, 09:33:33 น. »
ผมใช้  Roland Sonic Cell   มาซักระยะหนึ่งครับ  น่าจะใช้งานไม่ถึง 10%  
และเคยเขียนถึงคุณงามความดีของมันที่ทำให้ผมพอใจไปบ้างแล้ว

ถ้า  DAW  หมายถึง  Digital Audio Workstation  Sonic Cell  คงไม่ใช่โดยตรงครับ
ผมซื้อมาใช้เนื่องจาก ผมหลงในเสน่ห์น้ำเสียงของ  Sound Module  ของทีมงานโรแลนด์  พวก  SC88 นั่นละครับ
อันนี้เป็นความชอบส่วนตัว  อาจจะเนื่องมาจากผมสูงวัยและเพลงมีดี้ไฟล์ทั้งหลายในยุคของเพลงลูกกรุงเก่าๆ
รู้สึกไปกันได้ดีกันโมดูลที่ว่า  
เมื่อได้ยินคำว่า  Sonic Cell ครั้งแรกในเว็บนี้ละครับ  จากการเขียนของท่าน หนุ่มเมืองน่าน  เกจิด้านเครื่องเสียงท่านหนึ่ง
ที่ผมแอบชอบในไอเดียและความคิดในเชิงสร้างสรรค์ของท่านมากทีเดียว  ผมก็อยากเป็นเจ้าของทันที
รอโอกาสและรอสะตังอยู่นานเหมือนกัน  ซื้อมาเพื่อเล่นคาราโอเกะเท่านั้น
เผอิญของแถมที่มากับเจ้ากล่องมหัศจรรย์ตัวนี้  มันยิ่งเพิ่มพูนกิเลสทั้งหลายที่มนุษย์ผู้รักในเรื่องของเสียงเพลงสมควรมีมันไว้
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ความเป็นคลังเสียงยุคใหม่ที่ทีมงานเทวดาจำนวนหนึ่งของโรแลนด์รังสรรค์ขึ้น
มันยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อครับ  ซึ่งการที่ท่าน "อ๊อด"  ได้ใช้ความรู้ดัดแปลงออกมาเป็น  SoundFont สำหรับนำมาใช้ในงานคาราโอเกะอย่าง เอ็กซ์ตรีม
มันยิ่งถูกใจผมขึ้นไปอีก  เพราะเมื่อการพัฒนาถึงที่สุดแล้ว  ผมเชื่อว่ามันจะเป็นตัวแทนในการส่งเสียงความสมบูรณ์ที่แม่นยำของเสียงดนตรี
เพื่อส่งความหฤหรรษ์ ให้กับผู้คนจำนวนมาก  รอแต่เวลาแห่งการพัฒนาเท่านั้นละครับ
มีสิ่งหนึ่งที่คนไทยแพ้ชาติอื่นก็คือ เงินทุนในการวิจัย  เงินที่จะซื้อหาเครื่องไม้เครื่องมือดีๆ  ในการวิจัย
อย่างเช่น  ห้องสตูดิโอที่ได้มาตรฐาน  ลำโพงมอนิเตอร์ทีเที่ยงตรง  เครื่องมือทั้งหลายนี้จำเป็นมากครับ

เพราะถ้า  SoundFont  ที่สามารถจำลอง  Sonic Cell ออกมาได้ดังใจแล้ว  5000 บาทก็ช่วยกันจ่ายเถอะครับ
ดีกว่าไปซื้อตัวจริงถึง 27000 บาทไทย
เงินที่ได้จะนำไปซื้อเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อยกระดับให้ดียิ่งขึ้นครับ





Roland’s SonicCell is designed for modern musicians.
Using USB, It adds a huge set of sounds to your digital audio workstation (or “DAW”) without adding to your computer’s workload.
It’s also an audio interface that can get signals from mics, instruments, or other devices to DAW tracks for recording.

SonicCell’s Editor software allows you to program SonicCell from within your DAW.
Onstage, its compact size also makes SonicCell the ideal companion for a laptop DAW, letting you perform and sing along with recorded tracks.
Or use it to play back sequences and audio files from a USB memory stick.

Each SonicCell Workshop booklet focuses on one SonicCell topic, and is intended as a companion to SonicCell Owner’s Manual.
This booklet requires SonicCell O.S. Version 1.11 or higher. You can download the latest SonicCell O.S. for free from www.RolandUS.com.

About This Booklet
This booklet provides an overview of using SonicCell with a DAW.
We’ll also provide instructions for installing SonicCell’s driver and Editor, Librarian, and Playlist Editor software, and for configuring your computer for use with SonicCell.
Other booklets get into the details of using SonicCell as an audio interface and of using it with specific DAWs.









     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 ตุลาคม 2011, 09:45:44 น. โดย มะละกอ »

ออฟไลน์ ดอกแคนมิวสิค

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 153
  • 4D67AAC7 คำแคนสตูดิโอ
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 14:50:02 น. »
 :hap3:ท่านใดมีไว้ครอบครองช่วยชี้ชัดๆหน่อยครับหรือพอเป็นแนวทางในการตัดสินใจซื้อไม่ซื้อครับ
เพราะผมจะนำมาใช้ในสตูดิโอและการแสดงสดครับ  :thank1:

ออฟไลน์ มะละกอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4291
  • 7C06BEF5 จาก X-Men
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 15:43:13 น. »
ลองดึงมาจากเว็บป๋าติด
www.patid.com 
ขออนุญาตเอามาเผยแพร่ต่อ ณ ที่นี้ด้วยครับ


มาละเหวย Sonic Cell ร้อนๆ
 Monday, 12 April 2010 12:02 |  Written by Captain Nemo
 
ขอลงรูปก่อนนะครับ เดี๋ยวภาคเสียงกับ UI มา comment ทีหลัง

ด้านหน้า
 
 


ช่องเสียบด้านหน้า มี hardware volume ด้วยครับ ใช้ควบคุม phone volume ซึ่งเป็น mini jack 2.5 mm.

connector ด้านหลัง สามารถรับได้ทั้ง Jack กีร์ต้า line และมี USB A,B
ที่ Roland คุยว่า support thumbdrive และสามารถเป็น USB audio interface ในตัว

เท่าที่ลองประมาณ 15 นาที เสียงอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมากในส่วน acoustic piano ซึ่งได้อานิสงค์จากเสียง Steinway กับ Yamaha ใน RD700SX
แต่พี่ท่านเล่นกั๊กไว้ 1 layer เหลือ 3  layers คือ mp, f, ff ครับ
เสียง string ยังอ่อนอยู่ครับ ถ้าเทียบกับ PSR เสียงไม่มีชีวิตชีวาเลย
แม้แต่ในเสียง showcase ที่มีคำว่า SC  ขึ้นต้นอย่าง SC violin, SC cello เสียงยังออกแห้งอยู่
Organ ทำได้เหมือน FantomX ครับ แน่น ห้าว ดุ
Guitar ทำได้ดีมากครับ เสียงพริ้ว นุ่มนวล มีบรรยากาศ

สรุปจาก 15 นาทีก่อน

เสียงโดยรวมยังเป็นเอกลักษ์ของ Roland  อยู่ครับ D/A ไม่กั๊ก support ถึง 48KHz.
แต่ยังไม่ได้ทดลอง A/D ว่าจะแน่นเหมือนกันหรือเปล่า เดี๋ยวคืนนี้ถ้ามีเวลาค่อยมาต่อครับ
มาลุยต่อในส่วนของรายละเอียดเรื่องเสียง
scope กว้างๆของ SC(sonic cell) ผมให้สมการง่ายๆว่า top 40 ของ Fantom X+3ใน4 ของ RD700 SX + USB midi interface with phantom power
อืม น่าจะประมาณนี้ครับ คือรวมเสียงเด่นๆของ Fantom X ไว้เกือบทั้งหมดซึ่งถ้าใครเคยชินกับ fantom X อยู่แล้วก็จะชอบตัวนี้ทันทีครับ

Acoustic Piano
เพิ่มเสียง Steinway 3 velocity (mp.f,ff) จาก RD700SX เข้าไป แต่เสียงที่ออกมาก็ไม่ได้ดูเลวร้าย
สามารถเล่น passage pop, jazz ได้ classic ประมาณบาโรคน่าจะไหว
แต่ถ้าหนักๆอย่างโชแปงอาจจะไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่นัก นอกจากนี้เสียง X-piano ซึ่งเป็น Yamaha grand ก็อยู่ครบในแบบ 3 velocity
นอกจากนี้ยังมีเสียงเดิมๆจาก Fantom S เช่น So True ซึ่งเป็น base sound ในรุ่น RD600 ก็ไม่หนีไปไหน
(จริงๆผมชอบเสียงนี้นะ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ 2-velocity ก็ตาม แต่มีน้ำหนักในการเล่นดีกว่า และเสียงเวลาเล่นกับวงออกมาชัดถ้อยชัดคำกว่า
หรือเอามา mix กับเสียงอื่นก็ไม่ถูกเสียงอื่นกลบง่ายๆ เสียงเปียโนอาจจะไม่มีรายละเอียดเหมือนของ Motif XS ที่มีทั้ง key-off sample
หรือ string resonance แต่สามารถ mix ออกมาได้เป็นอย่างดี

Electric Piano
เสียงหลักๆก็อยู่ครบครับ ทั้ง Rhodes มีให้เลือกทั้ง suitcase , dyno , Stage MkII มีทั้งมี ffects และไม่มี ffects
ความใสของเสียงเมื่อเทียบกับ Motif XS ผมว่า Roland ออกไปทางทุ้ม นุ่มนวลกว่า มี dynamic range ค่อนข้างลึก
ต้องเลือก velocity curve ที่ชันหน่อยสำหรับคนที่เล่นเบาอย่างผม หรือคนที่มือหนักอาจจะชอบเพราะมันมีเอฟเฟกต์ช่วง hi velocity ซ่อนอยู่พอควร
ลูกเล่นเรื่องการ mix กับเสียงอื่นยังไม่ค่อยมากนัก ก็มีกับ acoustic piano, pad, strings และเอฟเฟกต์ต่างๆ
เสียง Wurly ค่อนข้าง clean ไปนิดนึงครับ ความรู้สึกที่เล่นตอนแรกๆรู้สึกเหมือนกับเล่น sine wave ธรรมดา
แต่ถ้าฟังดีๆก็มีความแตกต่าง เสียง FM ก็มีมาให้พอหอมปากหอมคอ
แต่ที่ผมอยากเห็นมากกว่าคือเสียงตระกูล SA กับ D-50 .piano ของ Roland เอง
ที่น่าจะเอามารวมมากกว่านี้ครับ ทั้งๆที่เป็นจุดขายของยี่ห้อนี้มากว่า 3 ทศวรรษแล้ว

Keyboard
ที่เด่นๆก็คงเป็น clavinet กับ harpsichord ที่ทำได้ดี มี keyoff sampling ทุกเสียงน้ำหนักและเอฟเฟกต์อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ครับ

Organ
มีให้เลือกพอควร แต่การปรับแต่งไม่สามารถลงรายละเอียดเป็น tone wheel ได้ จริงๆอยากเห็น modeling ลงมาในระดับนี้บ้าง
แต่ก็อย่างว่าครับ ราคาขนาดนี้ทำได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว เสียงออร์แกนส่วนใหญ่ตอบสนองต่อ velocity ดี
และ mod wheel ก็ทำหน้าที่หมุน rotary speaker ตามระเบียบ เสียงส่วนใหญ่เหมาะสำหรับเล่น jam มากกว่านะครับ
โชว์ก็อาจจะได้เพราะความรู้สึกผมเรื่อง rotary speaker มันยังไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่นัก
เสียง pipe organ ก็ทำได้ดีเหมือนเดิมครับ แน่น แต่มีให้เลือกพอควรครับ

Bell & Mallet
ทำใช้ได้ครับ ถ้าเทียบกับ series XV แล้ว SC ทำได้ใสกว่าครับ เสียงมีเสียงหลักๆอยู่ครับ
ทั้ง xylophone, vibraphone ,steel drum มี thnic พอหอมปากหอมคอครับ แต่พวกเสียงลูกเล่นอย่างใน fantom X ไม่มีนะครับ
ผมจำชื่อไม่ได้แต่เป็นเสียง thnic mallet แล้วมีเสียงลำธารไหลเอื่อยๆอยู่เบาๆ ชอบมากครับ

Guitar
ผมว่าตรงนี้เป็นจุดขายของ SC เลยก็ว่าได้ เพราะเสียงส่วนใหญ่ทำได้ลงตัว ใช้ aftertouch เป็นประโยชน์ในการ bend เสียง
หรือบางครั้งก็ใช้ velocity เป็นลูกเล่นในการเล่นเสียง mute ในบางเสียงคล้ายๆกับ megavoice ของ Yamaha
แต่ผมว่า Roland ก็ทำได้สูสีกันครับ ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เพียงแต่ Motif XS นั้นใช้ parameter ที่ละเอียดกว่า
เช่นคอยครวจจับระยะห่างของโน๊ตที่เล่นว่าควรใช้ legato หรือ retrigger ซึ่งบางครังรู้สึกควบคุมยากเหมือนกันครับ
เสียงส่วนใหญ่ทำได้ดีถึงดีมาก โดยเฉพาะเสียง E. Guitar ที่ได้ ffects จาก COSM มาเสริมทัพให้เสียงเหมือนจริงยิ่งขึ้น

synth
ตรงนี้เป็นอีกจุดขายนึงเลยครับ เพราะเสียง synth ของ Roland มีให้เลือกแทบจะทุก category
จนผมว่าถ้าจะเทียบ คงต้องเทียบกับ Korg M3 เลย เพียงแต่ขาดภาค Arp เด็ดๆเท่านั้น
เสียงที่เป็น trademark ของหลายๆเพลงมารวมอยู่ที่นี่ครับ และทำได้เนียนมาก
โดยเฉพาะเสียงที่มาจาก synth ของ Roland เองอย่าง final countdown intro ที่ใช้ JX8P
คราวนี้ไม่ต้องถามแล้วครับ ว่าจะเล่นเพลนี้ต้องใช้เสียงอะไร ตอบคำเดียวครับ 80s syn. brass2 ใน SC จบ
เสียง bass หรือ lead ก็มีให้เลือกมากทีเดียวครับ จนผมรู้สึกว่า Roland ค่อนข้างจะเฉลี่ยน้ำหนักของ product ตัวนี้
ให้อยู่กลางๆมากกว่าจะหนักไปทาง acoustic แบบ Motif XS เสียงส่วนใหญ่สามารถเล่นในเพลงที่เราคุ้นหูได้เลย
หรือสามารถเลือกเสียงใหม่ๆมาใช้ได้อีกเยอะครับ

Strings
ตรงนี้ผมค่อนข้างผิดหวังครึ่งๆ กลางๆ ครับ เพราะคาดว่าน่าจะได้เสียง solo string ที่เทียบเท่าหรือดีกว่า Fantom X
แต่เท่าที่เล่นรู้สึกว่าทำได้ไม่เท่าครับ เสียง solo ค่อนข้างแห้งอยู่ ไม่มีชีวิตชีวาเท่าที่ควร
ซึ่งต่างจากตระกูล nsemble strings ที่แน่น หนา มีน้ำหนัก และมีให้เลือกใช้พอควรทีเดียว ทั้ง strings หรือ combination กับ Brass, Horn

Brass
ตรงนี้ความเห็นผมกลับรู้สึกตรงกันข้ามกับ string นะครับ เสียง solo brass ดูดีมีสกุลมาก ทุกตัวเล่น solo ได้สบาย
แต่ nsemble ถ้าเป็นเสียงแบบเอาไว้ hook แล้ว ผ่านครับ แต่พวกเสียงแบบ sforrazo ที่เสียง brass ค่อยๆดังขึ้น
ผมว่า Roland น่าจะ sampling phrase ตรงนี้จริงๆมาดีกว่าแค่มาแก้ที่ attack ของ amplitude นะครับ
เพราะยังไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ เสียง orchestra brass ถือว่าใช้ได้ดีครับ แน่น มีน้ำหนัก แม้ไม่ค่อยมีลูกเล่นอย่าง Korg หรือ Yamaha

ขอรีวิวต่ออีกนิดครับ

Pads & Choir
ทำได้ดีครับ ผมชอบมากกว่า motif XS ตรงที่มีลูกเล่นมากกว่า และสามารถเลือก vowel ได้ดีกว่า
และที่รู้สึกดีมากคือ Jazz scat ไม่มีแล้วครับ  :P เสียงค่อนข้าง inspire เลยทีเดียว
ทั้ง Pads ไม่ว่าจะเป็น bright pads จาก PPG 2.2 หรือ Roland D-50 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ
ที่รู้สึกชอบมากคือเสียงตระกูล mellotron ที่ทำได้อารมณ์มากครับ
เพราะช่วง attack ของเสียงนี่ pitch ค่อยๆไต่ขึ้นเหมือนเทปจริงๆ แล้วสามารถใช้ aftertouch ที่โปรแกรมมาเล่นกับความไม่เสถียรของเทปได้ สนุกดีครับ

Ethnics
มีให้เลือกไม่มากนักครับ แต่ Roland พยายามคัดเอาที่ไม่ซ้ำกับใน World collection มาครับ
ที่ผมชอบจริงๆก็คงเป็นตระกูลปี่สก็อต ที่ไม่ค่อยเห็นนักของญี่ปุ่นหลับตาก็นึกออกครับ
ต้องมี shakuhachi อยู่แน่นอน แต่ผมชอบที่ Roland ไม่ให้น้ำหนักตรงนี้มากไป
เพราะ SC สามารถเพิ่มการ์ด World ได้อยู่แล้ว เป็นการลดความสิ้นเปลืองของ ROM ได้อย่างหนึ่งครับ

Miscellaneous
ตรงนี้ขอพูดถึงเสียงที่ค่อนข้างเด่นของ SC อีกกลุ่มครับ คือ Accordian กับ Harmonica ที่ทำได้ดีทีเดียว
เสียงค่อนข้างกลมกลืนและเล่นได้ดีทีเดียวครับ

เรื่องการ setup เล่นสด ผมว่าไม่น่ามีปัญหานะครับ เพราะ Soniccell สามารถเซ็ต user patch และ Performance  ได้
ในส่วนของ user patch ได้ถึง 256 patches Performance ได้ถึง 64 performances ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับเล่นสดครับ

แถมด้วยตัวโปรแกรม soniccell ditor ครับ จะเห็นว่าโครงสร้างโปรแกรมเหมือน Fantom X เปี๊ยบ ลดลงไปแค่บาง waveform เท่านั้น
 
 
 


ภาคเอฟเฟกต์
 


รวมหน้าโปรแกรม

เอาคร่าวๆแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ เดี๋ยวขอเล่นสักพักแล้วค่อยมาเสริมต่อนะครับ

ออฟไลน์ มะละกอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4291
  • 7C06BEF5 จาก X-Men
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 16:03:59 น. »
  
         อ่านให้จุใจเลยครับ

อุปกรณ์ที่เทสมีดังนี้
1/ เครื่อง Roland GW-8 Made in Chaina แกะกล่องใหม่ๆเลย เป็น Version 2 แล้ว
2/ Roland SonicCell Made in Japan
3/ หูฟังมอนิเตอร์ HD-280





 
 
 
ว่ากันในเรื่องวัสดุ
Roland GW-8 ตัวคีย์และวัสดุในการสร้างบอดี้จะคล้ายๆกับ Roland Juno G มากครับ ตัวคีย์กดใช้ชุดคีย์ตัวเดียวกันเลยครับ
ให้คุณภาพการเล่นในระดับกลางๆไม่แย่และไม่ดีเกินไป มี Velocity แต่ไม่รองรับ Aftertouch ปุ่มกดต่างๆกดใช้สะดวก
Control ส่วนใหญ่เป็นแบบKnobหมุนๆเอาครับ น้ำหนักตัวนี้เบาเท่ากับJuno G คือประมาณ 6 Kg.
เคลื่อนย้ายสะดวกมากๆ จอแสดงผลจะเล็กกว่า Juno G และเป็นกราฟฟิคขาวดำ

ในส่วนของ SonicCell นั้นการใช้งานจะใช้ Dial เป็นหลักในการสั่งงาน และมีปุ่ม Volume แบบโบราณแทรกอยู่ตรงขอบ
ซึ่งถ้าคนไม่เคยใช้มาก่อนก็จะงงในช่วงต้นๆบ้างว่ามัน จะไปปรับตรงไหนหว่า
มีช่องให้อัพเกรด SRX card ได้อีก 2 ใบ การใช้งานเข้าถึงเมนูต่างๆค่อนข้างทำได้ช้า
แต่ถ้าได้ลองเล่นบ่อยๆก็จะคล่องได้ไม่ยากนัก

เปิดสวิทซ์เล่นกันเลยดีกว่าครับกับ Roland Gw-8 Vs SonicCell

เมื่อเปิดเครื่องทั้งสองเทียบกันอย่างแรกที่เหมือนกันมากคือ Pacth List ของเสียงที่เหมือนกันแทบทุกอย่าง
SonicCell มีอะไร เจ้า GW-8 ก็มีเหมือนกันหมด แถมเจ้า GW-8 จะมีมากกว่าด้วยซ้ำเพราะ Rom 256 M ที่มากกว่า SonicCell
มันบรรจุคลังเสียงของ SRX World มาให้ด้วยครับเป็นเสียงเดี่ยวๆและ Loop เด่นๆของแต่ละประเทศให้เยอะจนฟังแทบไม่หมด
เสียงของ GW-8 และ SonicCell ฟังเทียบด้วยหูฟังมอนิเตอร์ตัวเดียวกันแล้วแทบไม่ต่างกันครับ
เช่นเสียง RichGrand ที่มาจาก RD700sx ก็ลงมาประจำการใน GW-8 และ SonicCell เทียบกันแล้วเหมือนกันมากๆ
GW-8 มาคราวนี้ภาค D/A converter ไม่ได้ลดทอนลงไปจาก SonicCell เลยครับ ใช้งานได้ดีเหมือนๆกัน
แต่ภาค Output ทั้งสองเครื่องมีแค่ L/R เท่านั้นไม่เหมาะกับคนที่ต้องการ SoundAssign ไปหลายๆ ที่
ในส่วนของภาค Control Pedal ของ GW-8 มี Hold กับ Control เหมือนกับ Juno G เป๊ะ

ลองมาดูในส่วนของ LeftPanel ด้านซ้ายเครื่องของ GW-8 เราจะเห็นว่ามันมีฟังก์ชั่นที่คล้ายๆอิเลคโทนอยู่แผงใหญ่
ซึ่งควบคุมการเล่นดังนี้มี Intro , Ending ,Main ทั้งหมดอย่างละ 4 Variation มี AutoFillin ที่รอส่งกลองอัตโนมัติให้เมื่อครบห้อง
สามารถ TapTempo ก็ได้ สไตล์จังหวะต่างๆที่ให้มามีประมาณสองร้อยกว่าๆครอบคลุมทุกๆแนว
แต่ไปเจอแนวที่เด่นๆ ซึ่งทำมาเอาใจ User บ้านเราเป็นพิเศษอาทิเช่น อิสานลำซิ่ง , ลูกทุ่ง ,ตะลุง ,
นี่ก็ทำได้ดีครับใครชอบแนวนี้นี่ฟังแล้วต้องลุกขึ้นมาเซิ้งแน่นอน
ซึ่งได้ยินมาว่าทาง Roland จ้างทีมนักดนตรีระดับชั้นครูคนไทยเป็นคน Design จังหวะพวกนี้เลยครับ

GW-8 มีเสียงกลองที่แน่น และเสียงกีต้าร์ Distortion ที่สมจริงมากกว่าก่อน ทำให้จังหวะในกลุ่ม Rock ต่างๆดูดีขึ้นไปอีกเยอะครับ
เมื่อรวมกับ SoundSet ที่มาจาก SonicCell ด้วยแล้วเล่นคนเดียวก็สนุกครับเอาไปเล่นกับวงก็ได้อีก
และในส่วนของ Panel ด้านขวาเครื่องจะเป็น Dual , Split Mode ซึ่งในเบื้องต้นเครื่องจะ setup ไว้แค่ 2 เสียงหน้าจอ
แต่ยังไม่ได้มีเวลาผสมหรือแบ่ง Part มากกว่านี้ดูครับเพราะเพิ่งซื้อเครื่องมาเองคู่มือยังไม่ได้แกะเลย เอาไว้คืบหน้าอย่างไรจะมาอัพเดทให้อีกที
ในส่วนของ Panelฝั่งนี้ก็จะมีปุ่มเข้ากลุ่มเสียงต่างๆให้กดเข้าได้ทันทีด้วยเช่น Piano , String , Brass ,World
จะมีอยู่ปุ่มนึงชื่อว่า Favorite ในตรงนี้น่าจะช่วยให้คนที่นำไปเล่นกับวง Setup เสียงได้เร็วขึ้นนะครับคล้ายๆ กับ JunoStage เลย
 
D-Beam เดิมๆของ GW-8 ใครลองเล่นแล้วคิดว่าน่าจะชอบนะครับเพราะเดิมๆ เค้า set ไว้เป็นเสียงที่ใช้งานได้จริง
เช่นเสียงรัวกลอง , เสียงระฆังราว ซึ่งมันจะมีประโยชน์ในการส่งเสริมการเล่น AccompMode มากกว่าอยู่ใน Synth รุ่นอื่นๆ
นอกจากนี้เรายัง Assign เสียงต่างๆลงไปใน D-Beam ของมันได้อีกเพียบซึ่งปุ่ม Assign จะมีไว้ให้ 2 ตัวครับ ไม่นับปุ่ม Solosynth

MP3 PlayerMode   GW-8 และ SonicCell
ทั้งสองรุ่นนี้เหมือนกันคือแรกใช้งานต้อง Format Flashdrive จากในตัวเครื่องของมันเท่านั้น Format จากคอมจะใช้ไม่ได้ครับ
และเครื่องจะไม่รองรับภาษาไทยเลย คือจะไม่อ่านเลยไม่ใช่ว่าอ่านเป็นภาษาต่างดาว
การเล่น MP3 Playback ออกมาให้เสียงที่ดีมากๆ อาจจะด้วยภาค D/A ของรุ่นใหญ่ก็เป็นได้
ซึ่งในขณะนี้ Roland เป็นยี่ห้อเดียวที่ใส่ตรงนี้เสริมเข้ามาเป็นรายแรกๆ

ทีเด็ดในการเล่น MP3 อีกอย่างนึงของ GW-8 ก็คือมันสามารถตัดเสียงร้องออกไปได้เกือบหมด
โดยปุ่มๆเดียว( มันจะชื่อ Minusone อะไรนี่แหละครับ ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพลงที่เอามาเปิดจะต้อง Mix เสียงร้องไว้ช่วงกลางๆ
เช่นเพลงตลาดค่ายใหญ่ๆนี่เสร็จเจ้า GW-8 หมด

แต่ SonicCell จะดีกว่าตรงที่มันเป็น AudioInterface แบบ Usb ในตัว
จึงต่อคอมพิวเตอร์ทำเพลงในระดับDemo ได้ แต่จะใช้งานอัดเสียงหนักๆ หลายสิบแทรค
Interface แบบ Usb ตัวนี้คงจะไม่เหมาะครับ
เจ้าตัวนี้มีช่อง Micin , Linein ,Gt in ที่เป็น Hi z ด้วยครับ มี Switch ปรับ Samplingrate ได้ที่ตัวเครื่อง
มี PhantomPower สำหรับ Mic condencer ที่ตัวเครื่องให้
( สำหรับเสียง SonicCell โดยละเอียดมี Review ไปก่อนหน้านี้แล้วครับโดยท่าน CaptainNemo ขอไม่พูดถึงมาก ลอง Search หาดูในเวปนี้ครับ )

สรุปว่า Roland GW-8 และ SonicCell
เปรียบเทียบเนื้อเสียง ความหนาของเสียงแล้วคล้ายกันมากครับ มีความเห็นจากผมและคุณ Showpan ว่ามันแทบไม่ต่างกันเลย
เพียงแต่ GW-8 มี SRX World onboard มาบวกเพิ่มให้ ทีนี้อยู่กับคุณแล้วว่าจะต้องการใช้อะไรจากมัน
ถ้าเน้นทำเพลงอยู่หน้าคอมหรือต้องการAudiointerface ที่มีซาว์ในตัวดีๆและมีคีย์บอร์ดตัวโปรดอยู่แล้ว  SonicCell ก็พอครับ
แต่ถ้าต้องการคีย์บอร์ดที่เล่นคนเดียวสนุกๆ กับครอบครัวได้ ต้องการเสียงดีโดยเฉพาะกลุ่มเปียโนต่างๆ
พร้อมที่จะนำไปเล่นกับวงก็ได้เลือกเป็น GW-8 ครับ ในส่วนของราคาไม่ต่างกันมากครับ
Roland SonicCell จะอยู่ที่ 27000 บาท ส่วน GW-8 ลดแล้วจะอยู่ที่แค่ 32000 บาทเองจ้า
 
ข้างบนทั้งหมดนั่นเป็นคุณ paokopai เกริ่นไว้เป็นการนำร่องครับ
จากนี้ไปเชิญอ่านการรีวิวต่อโดยคุณ showpan
 
อิอิ มาทันใจมากเลยครับพี่ เมื่อคืนนั่งเล่น GW-8 จนถึงเกือบตีสี่ ตื่นมาทำงานเจ็ดโมง
โอ้แม่เจ้า ตอนนี้หลับตาไปมีแต่ปุ่ม intro main nding variation 1 2 3 4 ลอยมาเต็มเลยครับ 555

ขอเสริมนิดนึงครับ จากที่ได้ลุยต่อกับเจ้า GW-8 เมื่อคืน จนถึงเกือบสว่าง...

เล่าตั้งแต่ความรู้สึกก่อนซื้อเลยละกัน
ก่อนจะซื้อตัวนี้ ผมระแวงอยู่ก่อนแล้วครับ ที่ผมระแวงคือ ผมไม่เชื่อว่าคีย์บอร์ดราคาประมาณนี้
จะให้อะไรมามากเท่านี้ เพราะถ้าให้อะไรมามากเท่านี้ มันต้องมี "กับดัก" แน่ๆ

ที่ผมสะดุดก็คือ ROM 256MB (16 bit linear นั่นล่ะครับ) ผมก็ เฮ้ยยย มันมาจากไหน
จากการที่ได้ลองหาข้อมูลดูก็พบว่า มันมา จาก SonicCell ทั้งดุ้น ทั้งดุ้นขนาดที่เรียกว่า ทุก patch เหมือนกัน เป้ะๆ
ถ้าผมจำไม่ผิด 896 Patches + 256 GM2 Patches ไม่มีความแตกต่างกันเลยแม้แต่เล็กน้อย
แถมยังมีอีก 128MB ที่มาจากการ์ด SRX World (SRX-09 ถ้าผมจำไม่ผิด) เฉพาะ Bank world มันก็มีเป็น 100 เสียง
ซึ่งเป็นเสียงพวก จีน ญี่ปุ่น อินเดีย คือเป็นเสียงที่ประมาณว่า อ่านชื่อเสียงแล้ว นึกภาพไม่ออกว่าไอ้เครื่องนี้มันหน้าตาเป็นยังงัย
และเป็นเสียงทีชาตินี้ ผมคงมีโอกาสได้ใช้น้อยเต็มที สรุปก็คือ Rom 256MB ของ GW-8 นั้น
มาจากการยำกันของ Sonic Cell (ซึ่งก็คือเอาเสียง Fantom X มายำกับ SRX มายำกับเสียงใหม่ ของ Sonic Cell
ตัดอะไรที่เฉยๆของ Fantom X ออกไป แล้วใส่อะไรใหม่ๆที่ไฉไลกว่าเดิมมา) + เสียง World จาก SRX-09

ซึ่งผมไม่เชื่อครับ!!! เพราะมันดูดีเกินจริง มาอีหรอบนี้ กับดักอยู่ที่ไม่ ffects ก็ D/A Converter แน่ๆ!!
แล้วผมก็คิดในใจว่า ผมไม่มีวันโดนต้มแน่เพราะผม(เคย)มี Fantom X8,Fantom Xr, และมี Sonic Cell อยู่ในมือ
เรียกว่าไอ้ต้นตระกูลเสียง GW-8 เนี่ย มันอยู่ในมือผมหมด.. เรื่องเสียงมันหลอกผมไม่ได้แน่ๆ...

นอกไปจากนั้น ในภาค Accompaniment ของมัน จาก specs ก็ยังมีถึง 4 intros 4 Mains 4 Endings
อะไรจะอลังการขนาดนั้น (ฟะ) ผมมี PSR-S910 ที่ราคามากกว่า GW-8 เกือบสองเท่า ยังมีแค่ 3 Intros 4 Mains 3 Endings
แต่มีปุ่ม Break (ซึ่ง GW-8 ไม่มี) นี่ถ้าจังหวะมันทำงานได้จริง
จากราคา GW-8 นี่ มันจะเรียกได้เลยว่าถูกไป! เรียกได้ว่าหากเทียบสเป็คกับ GW-7 แล้ว ห่างกันประมาณแปดปีแสงได้...

ย้ำกันอีกที สมการของ GW-8 ก็คือ
SONIC CELL + เสียง WORLD + คีย์ + Auto-Accompaniment ระดับกลางๆถึงบนๆ + ของเล่นบางชิ้น
(ยกตัวอย่างเช่น Center Cancel) - Audio Interface โคตรจะเว่อครับ!!!
GW-8 มากับ Concept ที่แจ่มมากครับ...
Roland บอกว่า "แต่ก่อน โลกของคีย์บอร์ด Auto-Accompaniment กับ Synthesizer มันเป็นคนละโลก
ฉะนั้นตัวนี้คือสิ่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสองโลกนี้
มันเป็น synth ที่เสียงดีแต่อาจจะมีความสามารถที่ dit ได้จำกัด และมี function auto-accompaniment นั้นก็คือ มันอยู่ได้ทั้งในบ้าน และบนเวที"

เมื่อวานผมเลยไปลองที่ธีระ ด้วยตรรกะที่ว่า

"ถ้าเสียงมันเป็นไปตามเสป็ค ไม่มีกับดัก แล้ว auto-accom มันทำงาน ไม่มีเหตุผลที่ผมจะไม่ซื้อเลย
เพราะผมสามารถจะขาย Sonic Cell กับ PSR-S910 ทิ้งไปได้ แล้วซื้อ GW-8 โดยมีเงินเหลืออีกจมเลย".....

ติดตามตอนต่อไปนะครับ....
________________________________________

มาถึงธีระ เมื่อวานตอนซัก 11 โมง
ผมไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปโดยไม่สนใจรุ่นอื่นแม้แต่นิดเดียว นาทีนี้ GW-8 เท่านั้น....

รอบนี้เนื่องจากเป็นการลองจริงจัง เลยลองกับหูฟัง อยู่ประมาณชั่วโมงนึงได้ครับ

เหมือนกันทุกครั้งเวลาที่ผม (และผมมั่นใจว่าในที่นี้อีกหลายๆคน) ลองคีย์บอร์ดไม่ว่าจะตัวไหนก็ตาม
จะต้องเริ่มจากเสียงเปียโนก่อน มันเป็นเรื่องจริงที่ คีย์บอร์ดตัวไหน ไม่ว่าจะเสียงดียังงัยก็ตาม แต่หากเสียงเปียโนห่วย มันจะน่าเล่นน้อยลงมากกว่า 30% แน่ๆ
เพราะในความเป็นจริง เวลานั่งอยู่บ้านคนเดียว ไม่ได้ซ้อมกับวงหรือเล่นคอนเสิร์ต
ก็คงไม่มีใครเปิดเครื่องมาแล้วนั่งเล่นเสียง saw lead เสียงเดียวอยู่ครึ่ง ชม แน่ๆ... ก็หนีไม่พ้นเสียงเปียโน...

ปกติจากตำนานของคีย์บอร์ด auto-accom ทั้งหมด สิ่งที่เป็นมาตรฐานที่จะให้มาก็คือเสียงเปียโนห่วยๆชนิดที่เรียกได้ว่า
เป็นเกรดเดียวกับเสียงเปียโนของ Microsoft wavetable เวลาใช้ notebook เล่น nick karaoke...
คือเป็นเปียโนที่ฟังแล้วรู้ว่ามันอยู่สายพันธุ์เดียวกับเครื่องดนตรีอคูสติ กที่เรียกว่าเปียโน แต่ไม่ได้เป็นเปียโน... เข้าใจผมมั้ยครับ อิอิ..

แต่เปียโนใน GW-8 มีพระอีกที่ชื่อว่า Rich Grand ซึ่งก็เป็นตัวตัดมาจาก 700sx นั่นล่ะ
เสียงตัวนี้หลังจากเล่นได้สิบวินาที ก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันไม่ใช่เพียงเสียงเหมือนเปียโน
แต่เสียงเหมือนเปียโนยี่ห้อ Steinway.... ผมไม่ได้เว่อร์นะครับ... Rich Grand เป็นเปียโนที่พอเล่นเบาๆ p pp อะไรประมาณนี้
เสียงมันจะ mellow นุ่ม แต่พอเวลาเล่น f ff fff เสียงมันจะเปลี่ยน character ทันที คือมันจะมีกิ๊งๆ แหลมๆ ชัด
คือสรุปเป็นเปียโนที่ นุ่ม แต่ ชัด ครับ ด้วยลักษณะนี้ มันจะสามารถนำมาเล่นในเพลงช้า โรแมนติคได้
ในขณะเดียวกันถ้าเอาไปใส่ในเพลง dance, rock มันก็จะพอไปไหว เพียงแต่เสียงมันเป็นก้อนๆมากไป เสียงกลางหนาไป
ต้อง q ออกหน่อยเท่านั้นเอง ผมพอใจมากกับเสียงนี้ครับ เสียงนี้มีอยู่ใน sonic cell ด้วย และหลังจากที่ AB กัน ก็พบว่ามันเหมือนกันเป้ะๆ 100%

ถัดลงไปก็เป็นเปียโนที่คุ้นเคยทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็น 88 Concert Piano, UltimateGrand (เปียโน 4-layer จาก Fantom X
แต่จะแหลมๆกว่า fantom นิดหน่อยในเสียงนี้ เสียงออก metalic หน่อยๆในเสียงสูงๆ
แต่ใครจะสนใจล่ะครับ ในเมื่อ Rich Grand มันเหนือกว่าเสียงนี้ทุกอย่าง), X Pure, So True..
(ผมชอบเสียงนี้นะครับเวลาอยู่ใน Mix มันเป็นเสียงที่ง่าย แต่ได้ใจความ ใช้งานได้จริง แต่ใช้ solo ไม่ได้) หมุนไปเรื่อยๆ ก็เหมือน Sonic Cell ทุกอย่างครับ..

โอเค ขอขั้นนิด... ผิดจุดประสงค์แล้ว!!!!! ผมต้องการมาจับผิดว่า ตัวนี้แอบวางกับดักอะไรมารึเปล่า ไม่ใช่มาชื่นชมเสียงเปียโน!!!

คิดได้อย่างงั้นก็เลยไปดูในส่วนของ ffects... เป้ะๆ ครับ เหมือนกับ Sonic Cell และ Fantom X 100%
(ผมพอจะจำชื่อและจำนวนของ MFX ได้) ผมใช้เวลาในการลองคีย์บอร์ดตัวนี้อยู่ประมาณ ชม นึง โดยที่ ครึ่ง ชม แรกนั้น ผมไม่ได้ไปเล่น auto-accom เลย...
หลังจากนั้นก็จึงพยายามจับผิดในส่วนของ DA Converter ซึ่งความยากก็คือ เรื่อง DA มันอยู่ที่หูล้วนๆ
ใน System ไม่มีบอกว่าใช้ DAC ยี่ห้ออะไรหรอก... ตรงนี้อาศัยความจำกับความคุ้นเคยอย่างเดียวครับ

ส่วนตัวแล้ว ต้องขอบอกก่อนว่า ในฐานะมนุษย์ preset ที่ใช้เวลากว่า 98% เล่นเสียง preset และอีก 2% dit เสียง
ผมชอบเสียง Sonic Cell มากกว่า Fantom มากๆๆๆ เพราะสิ่งที่ผมชอบใน fantom คือสิ่งที่ผมไม่ได้ใช้
ส่วนสิ่งที่ผมต้องใช้ใน fantom คือสิ่งที่ผมไม่ชอบทั้งหมด 555 (นั่นคือเหตุผลลว่าทำไมทั้ง Xr และ X8 มันอยู่กับผมได้ไม่นาน)
ผมชอบเปียโน Ultimate Grand ใน Fantom ระดับหนึ่ง (ในยุคนั้น ที่มี Motif ES กับ Triton Extreme
ผมชอบเปียโน Fantom ที่สุด) Strings ok ผมชอบ แต่ผมไม่ชอบ EPs ของ Fantom เลยแม้แต่นิดเดียว
ส่วนนึงเป็นเพราะว่าผมเป็นคนชอบเสียง FM EP เป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งใน Fantom ไม่มี FM EP
ที่ผมว่าโอเคอยู่เลย ส่วน EPs พวก Rhodes, Wurly นั้น ก็ตามสไตล์ Roland ออก ลึกๆ หนาๆ มวลเยอะๆ ชอบเล่นกับ velocity switching
ซึ่งฟังคนเดียวมันเพราะ แต่พออยู่ในวงก็จมหายกันไปเลยแถมยังกวนเค้าไปทั่ว นอกจากนั้น
ผมยังไม่ชอบกีร์ต้า Nylon ของ Fantom ผมไม่ชอบ Brass ผมไม่ชอบ Organ
ซึ่งทั้งหมดที่ผมพูดมา ผมต้องใช้ทั้งหมด!!! ในขณะที่ผมโอเคกับเสียงพวก lead, solo synth กลอง เบส ซึ่งพวกนี้ ผมแทบจะไม่เคยใช้เลย!!

Sonic Cell คือฝันที่เป็นจริงของคนที่กำลังจะเป็นแฟน Roland เหมือนผม
เพราะมันตอบโจทย์เรื่องเปียโนผม EPs ใหม่ๆที่ขึ้นต้นด้วย SC นั้นมันก็ตอบโจทย์
แถมผมยังเจอเสียงแนว FM ที่ผมชอบแล้ว Brass, organ, nylon guitars สำหรับผมก็สอบผ่านเลยนะครับ
พูดถึง Guitars นี่ ผมว่า Sonic Cell มันคือสิ่งที่ผมต้องการเลยนะ ระยะหลังๆผมไม่เข้าใจว่า
ทำไมบริษัทอย่าง yamaha ถึงไปบ้ากับเสียงกีต้าร์ซะมากมาย บ้าจนขนาดที่ว่า ใน S910 หรือ Motif XS
หากไปดูหน้าเปียโน จะเห็นมีอยู่หน้าเดียว แต่เปิดไปกีต้าร์ จะเห็นประมาณ 4-5 หน้าได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว
ทุกวงมันก็มีกีต้าร์กันหมด แล้วโอกาสที่จะใช้ synth เล่นกีต้าร์ ถ้าไม่ใช่เพื่อโชว์พาว... ก็คงน้อยเต็มที...
กลับเข้าเรื่องครับ ใน Sonic Cell นั้นมี Nylon ที่ผมชอบ Fender และพวก jazz ที่พอถูไถ Distortion ที่ผมชอบ
อาจจะมีจำนวนไม่เยอะ แต่ครบความต้องการแล้วครับ

อ้าว แล้ว Sonic Cell มันมาเกี่ยวอะไรกับการ review ครั้งนี้ (ที่สมควรจะเป็น GW-8)...
เพราะผมได้ลอง A-B กับ Sonic Cell แล้ว ผมกล้าที่จะพูดว่า เสียง GW-8 นั้น มันเหมือน Sonic Cell ประมาณ 98.99999% ได้
(เวลาทดสอบใช้คีย์ดียวกันครับ) ส่วน patch list เหมือนกัน 100% (เพียงแค่ GW-8 มีมากกว่า)
ฉะนั้นจึงอยากจากการได้ลอง GW-8 และอยู่กับมันมาคืนนึงว่า GW-8 ไม่ได้กั้กเรื่อง ffects และ DA Converter ครับ... นั่นก็คือ

...หากคุณชอบ Sonic Cell คุณจะชอบ GW-8 (พูดถึงเรื่องเสียงอย่างเดียวนะ)... ฟันธง!
อ่อ ก่อนถึงเรื่องจังหวะ...

ไม่มี product ไหนในโลก perfect ครับ มาลองดูข้อเสียของมันบ้าง (ในเรื่องเสียงอย่างเดียวก่อนนะครับ) และข้อดี (ที่ผมอาจจะลืมพูดถึง)

เสียงของ GW-8 นั้น จะว่าไปก็คือการเอาเสียงเด่นๆของหลายๆตัวมารวมกัน (ตามที่บอกไว้ด้านบน) ก็ไม่ผิด
แต่ปัญหาก็คือ หลังจากที่นำมารวมกันแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าโปรแกรมเมอร์ของ Roland ลืมนำออกไปลองเล่นสดรึเปล่า!!!

เสียงมันดีครับ แต่ไม่เป็นชุดเดียวกัน และไม่ต่อเนื่อง... ปัญหาของมันก็คือ ณ level ที่เท่ากันนั้น
 (สมมุติว่า 95) และสมมุติอีกว่า Volume อยู่ประมาณ บ่ายโมงเย็น (เป็น knob ครับ)
ถ้าคุณเล่นเสียงเบอร์ 0001 Rich Grand มันจะฟังเพราะๆพอดีๆ แต่พอหมุนไปเบอร์ 0037 PhaseEPLayer ... จบเห่เลยครับ
ลำโพงแทบแตก ดังจนหมุน volume กลับแทบไม่ทัน บางเสียง สมมุติว่ากีต้าร์ละกัน หมุนไปเสียงนึง reverb ซะแฉะ แฉะชนิดน้ำท่วมเลยครับ
และพอหมุนไปอีกสองเสียงลงมา ปรากฏว่า แห้งมากกก แห้งเหมือนฝนไม่ตกมาสามปีได้
แห้งจนยากจะเชื่อได้ว่าเสียงที่แห้งกับแฉะขนาดนี้มันจะมาอยู่ในคีย์บอร์ดตัว เดียวกันได้
จนเล่นๆอยู่มือกีต้าร์อาจจะหันมาหาเราแล้วถามเราได้ว่า "เฮ้ยย ตรูไปสะดุดสายอะไรของมึxx ป่าวฟระ"

อีกข้อเสีย (เล็กน้อยจริงๆ) ที่จะเรียกว่าเป็นข้อดีก็ได้ คือ หลังๆ Roland เหมือนจะสนุกกับ Velocity Switching มากๆ
มักจะมี item ลับซ่อนอยู่ในเสียงต่างๆเสมอ.. โอเคถ้าเป็นเสียงกีต้าร์ผมพอเข้าใจ แต่บางเสียงที่เราไม่คุ้นบ้าง
บางทีก็เดาไม่ถูกนะครับ โดยเฉพาะใน bank world บางเสียงนี้ พอกดแรงๆ แล้วมีเสียง Cymbal ขนาดเท่าบ้านมาซะงั้น...
รับรองมือกลองหันมาฆ้อนครับ ฉะนั้นจะเล่นตัวนี้ต้องทำการบ้านมาก่อนนะครับ ทั้งเรื่อง volume และ velocity switching ดูดีๆครับ

กลับมาข้อดีที่ผมลืมพูดถึงอีกซักหน่อย...
1. เสียงของ GW-8 สามารถใช้งานเป็น synth ได้สบายมากเลยครับ และเป็น synth ในระดับที่ดีมากๆเลยด้วย
และด้วย mode perform และ favorite ทำให้การใช้ GW-8 ในการเล่นสดเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น.... สำหรับมือคีย์บอร์ด preset แบบผมนะครับ
 แต่หากคุณเป็นมือคีย์บอร์ดโปรแกรมเมอร์ เก็บทุกเสียงทุกเม็ด แบ่ง part กระจาย preset ไม่เคยใช้
 ถ้าเสียงไม่เหมือนในเทป 100% เป้ะๆ ก็จะไม่เลิก dit ตัวนี้จะไม่เหมาสำหรับคุณครับ เพื่อมัน dit ได้พื้นฐานเท่านั้น
2. เสียง world ถึงแม้ผมจะไม่รู้จักไอ้พวกเครื่องญี่ปุ่น จีน อินเดีย อะไรที่มันให้มาเลยก็ตาม
 แต่ผมสัมผัสได้ว่ามันเสียงดี และได้ฟีลครับ อย่างไรก็ตามก็อย่างที่ผมบอกไปข้างต้น ชาตินี้ผมจะได้ใช้เสียงพวกนี้มั้ย อันนี้ผมก็ไม่รู้ครับ 555

ภาคต่อไป เรื่องจังหวะครับ แป๊ปเดียว เดี๋ยวกลับมาครับ  
----------------------------------------------
มาเรื่องจังหวะ (styles) บ้างครับ

ปัจจุบันนี้คีย์บอร์ด auto-accompaniment นี่มีส่วนสำคัญในชีวิตผมมาก
เพราะไม่ใช่ว่าผมแค่อามาเล่นสนุกอย่างเดียวแล้ว แต่ผมเริ่มเอามาใช้งานจริงๆ บางทีไปเล่นพวกงานแต่งงาน
ผมก็ duet กับเพื่อนที่เล่นคีย์บอร์ด auto-accom (ผมเล่นเปียโน) จากที่แต่ก่อนผมจะ duet กับ sax อย่างเดียว ก็ดีครับ หลากหลายขึ้น สนุกดี  

Arranger ที่ผมทำงานด้วยในปัจจุบันก็คือ PSR-S910 ซึ่งผมจะใช้เป็นตัวเปรียบเทียบในการ review ครั้งนี้
หลายท่านอาจจะคิดว่ามันเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากราคาของ PSR-S910 ที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นสองเท่าของ GW-8
แต่นั่นคือ arranger ตัวเดียวที่ผมคุ้นเคยมากๆอยู่ในเวลานี้ครับ (ก่อนหน้านี้ผมใช้ PSR-1500, PSR-740, PSR-630)

สำหรับผม PSR-S910 เป็น Arranger ตัวแรกที่ผมคิดว่า "เกือบจะ Perfect"...
ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็น arranger ที่ดีที่สุด แต่เป็นเพราะว่ามันตอบโจทย์เพลงที่ผมเล่น และสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดครับ...

สิ่งที่ผมชอบคือ ในแทบจะทุกจังหวะของ 910 ที่ผมเลือกไป พอ intro มา ไอเดียมันจะพรั่งพรูมาทันทีว่า
ไอ้นี่เพลงนั่นนี่หว่า เพลงนี่นี่หว่า มันเป็นคีย์บอร์ดที่ชวนให้เราเล่นต่อจริงๆครับ มันมีจังหวะที่ใช่เลยสำหรับเพลงที่ผมเล่นบ่อยๆ
เป็นสากลยุค 80 อะไรงี้ซะเยอะ อย่าง Wonderful Tonight, Top of the world (60), Casablanca, Nothing's gonna change my love for you,
 How deep is your love, Careless Whisper, Have I told you lately, Copacanaba, Nightbirds, Love Theme
รวมไปถึงจังหวะที่เหมาะลงตัวมากๆกับเพลง Grammy ตั้งแต่ยุคเก่าๆ
สมัยพี่เบิร์ดชุดแรกๆเลยไปจนถึงยุคปัจจุบันอย่างพวก tc, grooverider อะไรแบบนี้ คือเป็นจังหวะที่ ใช่เลยอ่ะครับ เกิดมาเพื่อกันจริงๆ

อีกอย่างจังหวะของ s910 นั้น มันอลังการมากๆทีเดียวครับ ทั้ง แค่กด Intro 3 Ending 3 ฟังไปเรื่อยๆทุกจังหวะนี่ ก็เพราะแล้วครับ
เพราะจนรู้สึกว่า มันไม่ใช่ arranger รู้สึกว่ามันเป็นวง มันมีชีวิต... variations ของ main มันมี 4 อัน
ทุกอันมีความหมาย แตกต่าง กลองตี fill ก็เพราะ เสียงก็ออกมา balanced ลงตัว เป็นวงดี ไมใช่ว่า เสียงเครื่องดนตรีดี แต่ไม่ balanced เหมือน arranger รุ่นใหญ่ๆหลายๆรุ่นครับ

ในเรื่องารใช้งาน S910 ก็ไม่มีข้อติเลย จอที่ใหญ่และใช้การง่ายมากๆ ปุ่มต่างๆที่มาอยู่ตรงหน้าทั้งหมดไม่มีซ่อน
ปุ่ม intros mains ndings ที่แยกกันชัดเจนเป็น intro 1 intro 2 intro 3 อะไรประมาณนี้
ไม่มีการใช้ปุ่มร่วมกันเลย registration memory และเสียงที่มันแนะนำมาสำหรับแต่ละจังหวะ เป็นไอเดียได้ดีมากๆเลยครับ

ส่วนที่ว่ามันไม่ perfect นั้น มันนิดเดียวเองครับ ที่ผมไม่ชอบก็คือ
1 มันเป็นคีย์บอร์ดที่มี bug ครับ เช่นพอเล่นเสียงกีต้าร์ ในจังหวะที่อลังมากๆ ดนตรีเยอะๆ บางทีจังหวะมัน lag ไปซะงั้น
2 คอร์ด on กดค่อนข้างยาก ต้องใช้สองมือกด ไม่งั้นคิดนิ้วไม่ทันครับ
3 เพลงที่มีเปลี่ยนส่วนข้างในเพลง ไม่มีทางเล่นได้ สมมุติว่าเพลงนี้เป็น 4/4 แต่ในเพลงมีบางห้องเปลี่ยนเป็น 2/4 หรือเป็นอื่นๆ ซะงั้น
อันนี้จบเลยครับ ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็อีกครับ ตรงนี้ arranger ไหนก็ทำไม่ได้ (เท่าที่ผมทราบนะครับ)
4 เสียง เอามาเล่นโดดๆ หรือเอามาเล่นกับวงไม่ได้เลยครับ (ยกเว้น p กับ guitars) บางจ๋อย แต่เพราะซะงั้นเวลาเป็นจังหวะ
ต่างกับ tyros 2 ที่เสียงดีนะครับ แต่พอมาเล่นเป็น auto-accom แล้ว ผมว่ามันไม่ค่อยสนุกเหมือน psr เลย

ผมต้องเล่นเรื่อง s910 ให้ฟังทำไม? ผมอยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนทราบก่อนครับว่าผมมาจากตรงไหน และความคาดหวังของผมจะเป็นยังงัย....

ต้องยอมรับว่า ผมไม่หวังตั้งแต่แรกแล้วครับให้ GW-8 มันดีกว่า S910 เพราะมันเป็นความคาดหวังที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล
ผมแค่อยากให้มันใช้เป็นไอเดียคร่าวๆได้เวลาขี้เกียจแบก s910 ไปไหนต่อไหน และก็ใช้เติมเต็มในจุดที่ S910 ขาด พวกจังหวะใหม่ๆ อะไรประมาณนั้น....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 16:52:59 น. โดย มะละกอ »

ออฟไลน์ มะละกอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4291
  • 7C06BEF5 จาก X-Men
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 16:26:22 น. »
 

ต่อครับ  และขอขอบพระคุณ  www.patid.com  เว็บที่ให้ความรู้มาตลอดครับ


ต่อครับ  ต้องขออภัยด้วยที่ครั้งนี้รวดเดียวจบไม่ได้ เพราะครั้งนี้ยาวจริงๆครับ
มันมีเรื่องให้ review ทั้งเสียง ทั้งจังหวะ เป็นสองเรื่องใหญ่ๆไม่เหมือน synth ทั่วไปครับ 

เรื่องจังหวะ (auto-accompaniment)

อย่างที่บอกครับ ว่าก่อนซื้อตัวนี้ผมไม่คาดหวังว่ามันจะได้ใกล้เคียง S910 อยู่แล้ว...

แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริงๆครับ...

คือไม่ใช่ว่าจังหวะมันไม่ดีนะครับ แต่ styles ของมันนั้น สำหรับผม มันไม่ได้พร้อมใช้งานเหมือน s910 ที่กดแล้วรู้เลยว่า
ควรจะไปอะไรต่อ แรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่จะเล่นเพลงอื่นๆที่จังหวะมันเอื้อ หรือแรงบันดาลใจที่จะแต่งเพลง มันออกมาทันทีครับ
(แต่มักจะเป็นอย่างแรกมากกว่า อิอิ) styles ของ gw-8 นั้นมันมีส่วนคล้าย gw-7 อยู่ที่ว่า เป็น styles ที่สร้างมาโดยนักดนตรีบ้าพลัง
พยายามจะให้สไตล์มันใหม่ และเท่ห์ ฉะนั้นบางจังหวะเราจะให้เห็นเบสซิ่งๆ กีต้าร์เท่ห์ๆ แต่เหมือนว่าผมสื่อสารกับมันไม่ค่อยรู้เรื่อง
คือการเล่นดนตรี มันก็เหมือนการคุยกันอ่ะครับ ดนตรีพูดมาแบบไหน เราก็ตอบไปเป็นภาษาดนตรีแบบนั้น
ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผมกับ s910 จูนกันติด แต่สำหรับ gw-8 หลายๆครั้งพอจบ intro เบอร์ 4 ผมก็ยัง งงๆ อ้าว จบแล้วเหรอ งัยต่อล่ะทีนี้

อาจจะเป็นไปได้ว่า styles ของ gw-8 นั้น เน้นที่ contemporary music และ world จังหวะ เฉพาะ pop+rock นี่ ถ้าผมจำไม่ผิด
มีตั้งเกือบ 60 จังหวะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น pop+rock ใหม่ๆ ทั้ง style และ sound ของเก่าก็พอมีบ้างครับ
แต่ไม่เยอะเหมือน S910, styles ของ gw-8 นั้น มีไอเดียที่ดีครับ แต่เพราะเป็นไอเดียที่ใหม่นี่ล่ะ ทำให้ผมอาจจะไม่คุ้นเคย ใน s910 ทุกๆจังหวะ ทุกๆ intro
มันเหมือนถูกทำมาจากเพลง reference บางเพลง ที่กลิ่นของเพลงนั้นๆมันออกมาค่อนข้างชัดเจนครับ

ที่ผมพูดมานี่ ไม่ได้แปลว่า styles ของ gw-8 แย่เลยนะครับ แต่นี่ผมกำลังเปรียบเทียบกับ arranger ซึ่งราคามากกว่า gw-8 เกือบสองเท่าอยู่
styles ของ gw-8 พวก pop, r&b,hiphop, contemp ผมว่า gw-8 กิน S910 ครับ
แต่เผอิญว่าแนวที่ผมเล่น styles พวกเพลงฝรั่งยุค 80 เพลงไทยแกรมมี่ยุค 80 light music, instrumental, ballads อะไรพวกนี้
ใน S910 มันตอบโจทย์ได้มากกว่าเท่านั้นเองครับ ฉะนั้นตรงนี้มันอยู่ที่ว่า เราจะชอบแนวไหนมากกว่ากันมากกว่าครับ
จริงๆแล้ว ด้วยระดับราคาของ gw-8 นั้น มันควรจะไปเทียบกับ PSR-S550 หรือ S710 แต่ด้วยความคุ้นเคยของผมกับ S910
กับความรู้สึกที่ว่า GW-8 มันดีกว่าS550 เอาซะมากๆ ก็เลยไม่เอาไปเทียบกับตัวนั้นครับ 
ส่วนเรื่อง Styles World ต่างๆนั้น ถ้าเป็นคนอินกับแนวนี้ก็คงชอบเลยครับ styles พวกนี้มีให้เยอะมากๆ ทั้งจีน อินเดีย ไทย ไทยนี่

ถ้าเป็นนักดนตรีลูกทุ่ง เซิ้ง หมอลำ อีสาน น่าจะชอบสุดๆ เพราะจังหวะนี่มันโคดจะใช่เลยครับ ทำมาใช้ได้เลย

เสียอยู่อย่างเดียวที่ผมอาจจะไม่อินกันแนวพวกนี้ ก็เลยใช้ประโยชน์จากข้อดีตรงนี้ของมันได้ไม่เต็มที่

เรื่องความชอบส่วนตัวผ่านไป ทีนี้ขอมาแชร์สิ่งที่ผมคิดว่า Roland ทำได้ไม่ค่อยดีกับ GW-8 บ้างครับที่เกี่ยวกับ styles
คืออย่างที่ผมบอกไปข้างต้น อย่างนึงที่ผมชอบ S910 มากคือความ balance ของเสียง
ความที่ instruments ทุกๆชิ้น ไม่ได้แย่งกันเป็นฮีโร่ แต่พอรวมกันแล้วมันเป็นวง ฟังดูดี แต่ใน GW-8 นั้น เสียงมันไม่ balance ครับ
นั่นก็คือ ในบาง style มันก็พยายามจะดัน guitar ประมาณว่า โชว์ว่ากีต้าร์(กู)เจ๋ง ว่างั้นเหอะ ออกมา
ฉะนั้น guitar riffs ของมันก็จะดังออกมาเลย กวนเพลงมากๆครับ กวนมือขวาของผมที่จะเล่น melody เอาซะมากๆเลย
และในหลายๆจังหวะ โดยเฉพาะพวกจังหวะ jazz นั้น ผมเล่นดูก็รู้ว่าคนที่โปรแกรมเสียงเปียโนในนั้นเค้าคงเก่ง มีกุ๊งกิ๊งๆ ตรงนั้นตรงนี้ตลอด
แต่ประเด็นก็คือ ผมต้องการเล่นครับ อย่ามาแย่งผมเล่น! ใน S910 นั้น ต่อให้เป็นจังหวะ jazz ที่มีเปียโนกุ๊งกิ๊งๆ
ไอ้เปียโนนี้มันก็จะไม่มากวนเลยครับ มันจะกุ๊งกิ๊งแบบเป็น background อยู๋ข้างหลังห่างๆเลย เรียกได้ว่าต่อให้จังหวะนั้นผมเล่นเป็นเปียโน
ผมก็จะไม่รำคาญไอ้กุ๊งกิ๊งนั่น แต่ใน gw-8 นั้น พอมันกุ๊งกิ๊งมาที ผมก็ เฮ้ยยย เลยครับ ขโมยซีนมาซะงั้น...
ต้องไปปิดโดยด่วน ไม่งั้นจังหวะนั้นก็คงไม่ได้ใช้อีกเลย ตรงนี้มันสำคัญอย่างงี้ครับ ใน S910 นั้น
ทุกๆจังหวะผมสามารถจะไว้ใจได้เพียงแค่ฟังห้องสองห้อง แล้วก็เล่นได้เลย
แต่ใน gw-8 ในแต่ละจังหวะผมต้องฟังให้จบ หมดครบทุก variations ก่อนถึงกล้าใช้
เพราะไม่รู้อยู่ๆจะเจอตัวละครลับอะไรออกมาบ้างให้ตกใจเล่น..

GW-8 ที่ผมได้มานั้นเป็น Version 2 แล้วครับ ใน Version 2 นี้เราจะสามารถ dit styles ได้บนเครื่องได้เลย โดยไม่ต้องใช้คอม
และสามารถใช้ MFX แยกในแต่ละ track ใน song ก็ได้ครับ (Ver 1 ทำไม่ได้) ก็ดีครับ
ตรงนี้คือสิ่งที่ Roland ฟังลูกค้า แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไขโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ต้องขอชมจริงๆครับ

ข้อที่ผมไม่ชอบอีกข้อก็คงเป็นเรื่องของ fills ครับ ถูกครับ ไอ้พวก fill-in น่ะแหละ ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรว่ามัน fill ไม่ค่อยถูกใจผมเหมือน S910เลย
สำหรับผม arranger ที่ดี ต้องทำมาอลังการในส่วนของ intro fill แล้วก็ nding ซึ่งนั่นก็คือส่วนที่ผมไม่ได้เล่น มือว่างครับ
แต่ถ้าผมเริ่มเล่นเมื่อไหร่ ผมต้องการให้ทุกอย่างถอยไปให้หมด ไอ้ gw-8 นั่นมันออกแนว โชว์พาวไปซะหมด intro 4 นี่อลังมาก
พอมา main ก็ยังไม่พ้นโชว์พาว ส่วน nding ไม่ค่อยชอบคิดใหม่ ก็เอา intro อ่ะแหละมาเล่นแล้วก็จบ ต่างกับ S910 ที่ Ending หลายๆอัน
สร้างความอลังการและประทับใจได้มากๆเท่ากับ intro ครับ

อ่อ มีอีกปัญหานึง ที่อาจจะฟังดูเป็นปัญหาโง่ๆ แต่ผมไม่รู้จริงๆ ตรงนี้ใครรู้ช่วยผมทีครับ...
คือสมมุติว่าผมจะขึ้นด้วย intro 4 ผมก็จะกด 4 แล้วก็ intro ใช่มั้ยครับ
ทีนี้เนี่ย สมมุติว่าเล่นไปเรื่อยๆจน intro จบ ทีนี้เนื่องจากที่ variation 4 มันถูกเลือกอยู่ มันก็จะเข้า main อัติโนมัติใช่มั้ยครับ
ปัญหาก็คือ เวลาเข้า main มันก็จะเข้า main variation ที่ 4 ด้วย ซึ่งในความเป็นจริง เพลงบ้าอะไรจะเริ่มจาก variation 4 ที่มีอะไรเต็มไปหมด
ก็คงต้องเริ่มจาก 1 หรือ 2 สมมุติว่าในเคสนี้ผมต้องการ 2 และกัน

ปัญหาก็คือ ในระหว่างที่ intro เล่นอยู่เนี่ย ผมจะกด 2 ไปล่วงหน้าไม่ได้ เพราะนั่นหมายความว่ามันจะเป็นปลี่ยนไป intro 2 หรือผมจะกด 2 แล้ว main ไม่ได้
เพราะนั่นหมายความว่า จาก intro 4 ที่เล่นอยู่ มันจะตัดไปเข้า main 2 เลย โดยที่ไม่รอให้ intro จบก่อน
ฉะนั้นผมก็จะต้องมานั่งจ้องฟังดีๆว่าเมื่อไหร่ intro จะจบ แล้วรีบกด variation 2 เพราะถ้ากดเร็วไปปุ๊ป มันจะตัดเข้า main 2 เลย ซึ่งจะฟังดูแหม่งๆมาก
หรือถ้ากดช้าไป มันก็จะเข้า main 4 ก่อน แล้วถึง fill เข้า main 2!!! งงครับ....
ตอนนี้ก็พยายามเปิดคู่มือหาคำตอบอยู่ว่าทำงัย ให้มันรู้ว่าหลังจาก intro 4 ให้ไปที่ main 2 โดยที่ไม่ต้องรอ intro ให้จบก่อน...
หากใครทราบช่วยรบกวนช่วยผมตรงนี้ทีนะครับ ตรงนี้ไม่ใช่ข้อเสียอะไรหรอกครับ
อาจจะเป็นความไม่รู้ของผมเอง ตรงนี้ก็แอบคิดไปว่า ถ้ามันมีปุ่น intro 1 2 3 4 main 1 2 3 4 nding 1 2 3 4 แยกกันแบบ yamaha เลยก็คงจะดี

เดี๋ยวมีภาคสรุปต่อนะครับ แป๊ปปปปนึงครับ 
________________________________________

สรุปก็คือ หากผมเป็นวิศวกรหรือ marketing ของ Roland นะครับ หากจะออก gw-8 รุ่นใหม่ สมมุติเล่นๆว่าชื่อ GW-8GX ก็แล้วกัน
กำลังอินเทรนด์ อิอิ ผมอยากจะให้มีข้อเพิ่มเติมแก้ไขดังนี้ครับ

1. มีปุ่ม intro 1 2 3 4 main 1 2 3 4 Ending 1 2 3 4 และมีปุ่ม Break ด้วย ปุ่ม Break นี่ทำให้ arranger มีเสน่ห์ได้อีกโขเลยนะครับ....
2. ขอลำโพงในตัวเหมือน PSR แต่ไม่เอาให้ขนาดเครื่องใหญ่เท่า PSR นะครับ
3. จอสี (เข้าใจว่าใส่ได้ แต่ไม่ใช่ราคานี้ครับ  )
4. ทำ version 88 keys hammer action มา หรือเวอร์ชั่น 76 keys เป็น weighted keys เหมือน Juno-Stage จะดีมาก
5. ความ Balance ของ patches และ styles ครับ อย่างที่บอกไปข้างต้น
โดยเฉพาะ styles ที่แบบอยากให้เป็น styles ที่คนเล่นจะเล่นสนุกจริงๆ ไม่ใช่ programmer มาโชว์พาว
6. Styles แบบที่ ก๊อปเพลงฮิตๆ ดังๆ ใครๆ ก็รู้จักมาบ้างเหมือน PSR.. ผมว่าตรงนี้มันสนุกดีนะครับ

ส่วนข้อดีก็อย่างที่บอกไปแล้ว นั่นก็คือ เสียงที่ไม่เป็นสองรองใครกับราคาแค่สามหมื่นต้นๆ DAC ที่ไม่ลดทอนคุณภาพ
น.น. ที่เบาขนย้ายสะดวก คีย์ที่พอจะเล่นได้ (ดีกว่า S910) จังหวะ contemp พวก pop rock hiphop R&B ที่ดีกว่า S910 และ functions ต่างๆของ synthesizer
------------------------------------------------------
มาเพิ่มเติมนิดนะครับ

จะมาบอกว่า ผมเจอวิธีเปลี่ยน variation ของ Main หลังจาก intro แล้วครับ ซึ่งวิธีนี้ manual ไม่มีบอกด้วย....

ทวนนิดนึง ปัญหาที่กวนใจของผมกับ GW-8 ที่สุดก็คือว่า มันไม่มีปุ่มแยกเหมือน Yamaha พวก Intro 1 2 3 4 Main 1 2 3 4 Ending 1 2 3 4
คือมันมีแต่ปุ่ม Intro Main และ Ending และปุ่มตัวเลข 1 2 3 4 ที่ใช้ร่วมกันทั้งหมด ฉะนั้นปัญหาก็คือ
สมมุติว่าผมจะใช้ Intro 1 ผมก็จะกด intro และปุ่ม 1 แล้วก็เล่นใช่มั้ยครับ ทีนี้พอจบ intro แล้ว มันก็จะเข้า main 1 เสมอ
บางทีผมอยากจะใช้ intro 1 ซึ่งเป็นกลอง fill เข้ามาเฉยๆ แล้วไป Main 4 เลย จึงทำไม่ได้ ทำได้ก็จะมีรอยต่อ
คือจาก intro 1 ปุ้ป มันจะเข้า main 1 แล้วเราถึงกด 4 ไป ก็จะมีกลอง fill แล้วเข้า main 4 ซึ่งมันจะไม่เนียนเลยถึงแม้เราจะกดได้ timing ถูกต้องยังงัยก็ตาม....

วิธีแก้ก็คือ เราต้องกด Main ก่อน intro ครับ!!! นั่นก็คือ สมมุติว่าเราอยากใช้ intro 1 แล้วไป main 4 สิ่งที่เราต้องกดก็คือ
1. ปุ่ม Main
2. กด 4
3. กด Intro
4. กด 1

แล้วเริ่มเล่น ทีนี้มันจะเล่น intro 1 แล้วพอจบ intro แล้วจะเข้า main 4....

เชื่อมั้้ยครับว่าตรงนี้ manual ไม่ได้บอก!!! สิ่งที่ manual บอกเกี่ยวกับ variations ตรงนี้ก็คือ แต่ละ intro main nding มี 4 variations
หากใช้ intro 3 ก็ให้กด intro แล้ว 3 หากอยากไปจาก main 2 ไป 3 ก็ให้กดปุ่ม 3 ซึ่งนั่น เด็กอนุบาลก็รู้ครับ!!!
________________________________________
เวลาเซฺฟ bank ทำไงอะครับ คือเสียงที่เล่นบ่อยๆ จะไม่ได้ต้องเลือกเสียงตลอดอะครับ <--- มี 2 วิธีครับ

1. เก็บมันเอาไว้ใน favorites ใน favorites จะมี 10 เสียงต่อ bank x 10 banks ก็จะได้ 100 เสียงครับ
วิธีเซฟใน favorite ก็คือกด favorite on/off แช่ไว้ แล้วเลือกหมายเลข (0-9) ที่จะเก็บลงไปใน favorite เท่านั้นเองครับ

2. เก็บมันเอาไว้ใน user perform วิธีก็คือ หลังจากที่เราได้ tone ที่ต้องการ ก็กด write แล้วก็ใส่ค่าต่างๆลงไปตามหน้าจอเลยครับ
ใน perform นี้มันจะเก็บทุกอย่าง ตั้งแต่ tone(s),key transpose, layer, split, octave, styles ครับ
--------------------------------------------------
ยังไม่จบครับ...

นี่อาจจะเป็นมหากาพย์ review ที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยมีมา 555 จริงๆแล้วเนี่ยไอ้การ review
มันคงเป็นไปได้ยากที่จะสามารถทำได้ภายในครั้งแรกที่เล่นครับ เพราะคงไม่มีใครไปขุดข้อดีข้อเสียของมันได้หมดหรอก
ฉะนั้นผมจึงจะมาอัพอยู่เรื่อยๆครับ... การ review คีย์บอร์ดก็เหมือนกับการคบกับผู้หญิง แรกๆก็ถูกความดีเค้าทำให้หลง
พอคบไปนานๆถึงรู้ว่าอันไหนดีอันไหนชั่ว (หรืออาจจะเป็นอย่างหลังทั้งหมด) 5 5 5

จนถึงนาทีนี้ จากที่ได้รับทราบจากพี่เปา paokopai review นี้ได้สร้างยอด GW-8 ให้กับทางธีระได้ไม่น้อยแน่ๆ
ตรงนี้ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรหรอกนะครับ แต่ ถ้าท่านเจ้าของร้านธีระ (ผู้ซึ่งใจดีกับผมมากๆ ประทับใจในการบริการมาก ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้นะครับ)
ได้มาเห็น review ของผมตรงนี้ การซื้อครั้งต่อไป ขอส่วนลดเพิ่มบ้างละกันนะครับ อิอิ

อ่ะ มา review กันต่อครับ ณ ตอนนี้ผมก็อยู่กับ GW-8 มาได้อาทิตย์หน่อยๆแล้ว ได้ใช้งานมันทั้งในแบบที่ควรจะใช้
และแบบที่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้แบบนั้น... ช่วงนี้ผมมีงานเล่นสดเข้ามาครับ
เป็นการเล่นที่ระห่ำมาก เพลงในลิสต์ที่ซ้อมกันมี 68 เพลง มีเวลา 2 อาทิตย์ ทุกแนวเลยจริงๆ
ตั้งแต่ ฝรั่ง ไทย ลูกกรุง ลูกทุ่ง ป๊อป rock dance disco วงพึ่งฟอร์มเฉพาะกิจเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
โดยที่มีคีย์บอร์ดตัวเดียว ต้องเอาให้อยู่ ไม่ใช่คนเดียวนะครับ แต่ตัวเดียว คือเป็นทั้งเปียโนและ synth ....
และแน่นอนที่สุด ในครั้งนี้ผมจึงเลือกที่จะลองวิชา ใช้ GW-8 เป็นคีย์บอร์ดตัวเดียวในงานนี้
(ก็ Roland บอกไม่ใช่รึ ว่านี่เป็นทั้ง synth และ arranger เลยต้องโดนลองของซะ จะว่าไปแล้ว จริงๆแล้วตัวนี้สร้างมาจาก ngine ของ synth ล้วนๆด้วยซ้ำไป ใส่ภาค arranger ลงไปเท่านั้นเอง)

สำหรับการเล่นสด ใช้ในวงนั้น หากพูดถึงเรื่องเสียง GW-8 ถือว่าผ่านฉลุย
เอาเข้าจริงๆผมรู้สึกชอบมันมากกว่า Fantom X อีก (ในเรื่องเสียงอย่างเดียวนะ) เสียงที่ผมชอบ gw-8 มากกว่า Fantom X
คือเสียงในกลุ่มพวก Piano, EP, Organ, Brass ที่เหลือเท่ากัน เพราะเหมือนๆกัน ยกเว้น solo synth ที่ผมรู้สึกว่าด้อยกว่า....
ในเรื่องเสียง ไปดู review ผมในหน้าแรกได้ครับ ได้พูดถึงไปพอสมควรแล้ว วันนี้ผมจะมาคุยถึงเรื่อง GW-8 กับการเป็น synth เล่นสดมากกว่า...

สำหรับการใช้งานในสถานการณ์สดนั้น มันมีบางอย่างที่สอบผ่าน และบางอย่างที่สอบตกครับ..

โครงสร้างเสียงของ GW-8 นั้น
จะแบ่งเป็น Tone (896 เสียง + 256 GM2 + เสียง World อีกเป็นร้อย แต่จำจำนานไม่ได้ครับ) + Perform (128 เสียง preset กับ 128 user
ซึ่งจะเหมือนกับ preset เป้ะๆจนกว่าเราจะเขียนทับลงไป) สำหรับ perform
ในความหมายของ Roland ก็คือการเอา tone มาเล่นแร่แปรธาตุนั่นล่ะครับ เอามา layer, split, transpose, octave + - dit เพิ่มเติม ฯลฯ อ่ะไรพวกนี้

สำหรับ user memory จะมี Perform user อยู่ 128 อัน ให้เราแต่งเสียงไม่ว่าจะเป็นจาก tone หรือจาก perform แล้วเอามาเก็บไว้ที่นี่
และเพื่อความสะดวกจะมี favorite ให้ 200 favorites คือเป็น favorites ในส่วนของ tone 100 อัน (10 banks x 10 registration ต่อ bank)
และเป็น favorites ในส่วนของ perform 100 อัน (10 banks x 10 registration ต่อ bank)

GW-8 จะไม่สามารถเล่นสดได้เลยหากขาดเจ้าปุ่ม favorites เพราะในการเปลี่ยน patch มันมีหลายขึ้นตอนและต้องกดหลายปุ่มมาก
ผมจะยกตัวอย่างละกันครับ สมมุติและกันว่าผมต้องการใช้เสียง brass เบอร์ 0389 ชื่อ Wide SynBrss ในการที่จะใช้เสียงนี้ ผมต้องกดแบบนี้ครับ

วิธีที่ 1
1. กดปุ่ม category/ sax/brass
2. มันจะไปที่เสียงแรกของ category นี้ คือ soprano sax
3. กด nter มันจะไปหน้า patch list
4. กดลูกศรขวา -> เพื่อเปลี่ยนจาก category ย่อย Ac.Brass เป็น SynthBrass
4. ให้ jog หมุนจนเจอ patch นี กด nter เพื่อออกมาหน้าจอหลัก หากไม่กด nter แล้วออกมาจากหน้าจอ patch list เสียงจะถูกเปลี่ยนกลับเป็นเสียงเดิมก่อนเข้าห้นา patch list

วิธีที่ 2
1. กดปุ่ม category/ sax/brass
2. มันจะไปที่เสียงแรกของ category นี้ คือ soprano sax
3. หมุนไปเรื่อยๆอย่างไร้ความหวังจนเจอเสียง Wide SynBrass 5 5 5

วิธีที่ 3
1. กดปุ่ม category/ sax/brass
2. มันจะไปที่เสียงแรกของ category นี้ คือ soprano sax
3. กด nter มันจะไปหน้า patch list
4. ให้ jog หมุนจนเจอ แต่จะต้องหมุนกันเมื่อยเลย เพราะว่ามันจะต้องหมุนจนหมด category Ac.Brass ก่อน มันถึงจะไป Category Synth Brass...

วิธีที่ 4
1. กดปุ่ม Numeric
2. กด 3 8 9
3. กด nter

วิธีที่ 5 (กรณี save ลง favorite tone ไว้)
1. กดปุ่ม favorite on/off (ขั้นตอนนี้ไม่จำเป็นหากอยู่ใน mode favorite อยู่แล้ว)
2. กดปุ่มเลือก patch เลยปุ่มเดียวจบตามที่เราได้ assign ไว้ (ในกรณีที่ไม่ได้เก็บไว้ใน favorite bank อื่น หากเก็บไว้ใน bank อื่น ก็ต้องเลือก bank ก่อน)
****จะเห็นได้ว่า favorites จำเป็นมากถึงมากที่สุดสำหรับ GW-8 ไม่มี หากไม่มีตรงนี้ คงไม่มีวันได้เอาตัวนี้ออกมาเล่นสดแน่ๆ****

วิธีที่ 4 กับ 5 ดูเหมือนง่ายใช่มั้ยครับ? แต่มันมีกับดักอีกแล้วครับ!!!

จำเรื่อง mode perform ได้มั้ยครับ... ที่บอกว่ามันจะเก็บค่าทุกอย่างไว้ ไม่ว่าจำเป็น tone ที่เรา dit, transpose, octave, dual/split
สมมุติว่าเรากำลังเล่นเพลงนึงอยู่ เสียงในตอน intro เราเล่นเสียงใน perform เสียงนึง ซึ่งเป็นเสียงที่เรา

- ใช้ split
- lower tone เป็น sweed pad
- lower tone ใช้ octave + 2
- upper tone เป็น Distortion Guitar
- upper tone ใช้ octave + 1
- ทั้งหมดนี้ transpose - 4
- cursur อยูที่ lower tone
- ตั้ง style ไว้ ไฟ style มันขึ้นอยู่

ทีนี้ intro จบแล้ว กำลังจะขึ้น verse 1 ซึ่งในนาทีนี้ สมมุติละกันว่า เราจะต้องใช้ bell ครับ
ซึ่ง สมมุติอีกว่า เราตั้งเสียง bell นี้อยู่ใน favorite 3 ละกันครับ

ตามตรรกะมนุษย์ทั่วไปแล้ว เปลี่ยนเสียงมาตรงนี้ ก็แค่น่าจะกด favorite on/off เพื่อเปิด favorite
(ในกรณีที่เสียงที่แล้วที่เป็น perform ไม่ใช่ perform ใน favorite หากอยู่ใน favorite อยู่แล้ว จะไม่ต้องกดปุ่มนี้)
หลังจากนั้นก็กดปุ่ม Tone และกดปุ่ม 3 เพื่อเลือก favorite 3 ตามที่เราได้ assign ไว้....

แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่งั้นครับ!! เพราะเมื่อเรากด tone แล้วกด favorite 3 ตามที่ได้ assign ไว้
มันไปเปลี่ยนแค่ไอ้ upper หรือ lower tone ของ perform อันเก่าที่ได้เลือกไว้ ค่าอื่นๆจะยังอยู่ครบหมด!!!

ฉะนั้นในกรณี หากจะเปลี่ยนมาเป็นเสียงเบลล์ ต้องทำงัย?
1. กดปุ่มเลื่อน cursur จาก lower tone มาเป็น upper tone ก่อน
(หากไม่กด เปลี่ยนไป upper tone อะไรที่ทำต่อจากนี้จะไปกระทำกับ lower tone ทั้งหมด ทีนี้ที่เราเล่นมา
แทนที่จะเป็นเสียงเบลล์ มันจะเป็นเสียง distortion guitar ซึ่งรับรองว่าเพื่อนจะงงกันทั้งวงแน่ๆ มาจากไหนฟระะ)
2. เลือก upper tone โดยการกด favorite on/off แล้วกด favorite เบอร์ 3
3. กดปุ่ม style ออก เพราะหากไม่กดปุ่ม style ออก คีย์บอร์ดทางซ้ายจะใช้ไม่ได้
4. กดปุ่ม split ออก เพราะค่าเก่าค้าง split ไว้
5. กดปุ่ม Transpose แล้วหมุน jog ให้กลับไปที่ C (ระบบ tranpose ของ GW-8 จะไม่เป็นตัวเลข + - 1 2 3 4 อะไรงั้น
แต่จะเป็นคีย์ครับ default จะเป็น C หากอยาก +1 ก็หมุนไป C# ในกรณีนี้ - 4 บนจอก็จะขึ้น G# เราต้องใช้ Jog หมุนเป็น C ก่อน)
6. กดปุ่ม octave เพื่อ - octave ให้เป็นปกติ
******แล้วถึงจะเล่นได้!!!!!!!**********

ฉะนั้นทางก็ก็คือ เราต้องสร้าง perform ไว้อันนึง ให้เป็น perform ที่ใช้เคลียร์ค่า แล้วเก็บไว้ใน favorite
ยกตัวอย่างเช่น เราสร้าง perform ที่เป็นเสียง piano เดี่ยวๆ อย่างเดียว ไม่มีค่าอะไรอื่นๆเลย เพื่อที่จะ reset ค่าทุกค่าใน perform เสียงก่อน assign มันเข้าไปใน favorite
แล้วมากดปุ่มนี้ทุกครั้งก่อนจะไปที่ tone

ฉะนั้น ขั้นตอนที่เร็วที่สุดในการเลือก tone ที่เราต้องการ หากมาจาก perform จะเป็นดังนี้ครับ... (ในกรณี assign ลง favorite ไว้หมดแล้ว)
1. จากเสียง perform เสียงปัจจุบัน ให้เปลี่ยนเสียงเป็นเสียง perform ที่ใช้เคลียค่าที่เราเก็บไว้ใน favorite สมมุติเป็น favorite เบอร์ 9 ละกัน ก็กดปุ่ม 9
2. กดปุ่น tone เพื่อเปลี่ยนจาก perform เป็น tone
3. กดปุ่น favorite ที่เรา assign ค่าไว้ สมมุติ assign ไว้ที่ 4 ก็กด 4

ฉะนั้น การเปลี่ยนเสียงจาก perfome มา tone (ที่อยู่ใน favorite อยู่แล้ว) ก็ยังต้องใช้ทั้งหมด 3 ปุ่ม อย่างต่ำครับ....
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง เราไม่ได้เปลี่ยนจาก perform ไป tone ตลอดเวลา
หลายๆครั้งเราก็เปลี่ยนไปปลี่ยนมาใน perform ด้วยกันเอง หรือใน tone ด้วยกันเอง ในกรณีนี้ หากเรา assign เข้าไปใน favorite แล้ว
 เราสามารถจะเปลี่ยนเสียงได้ภายในปุ่มเดียวเหมือนกันครับ... ก็จะเร็วมากๆ อันที่ผมยกตัวอย่าง เป็นกรณีศึกษาที่สุดโต่งเท่านั้นเองครับ ...

**** กล่าวโดยสรุปก็คือ perform ไหน หรือ tone ไหนที่จะใช้ จำเป็นนะครับที่จะต้อง assign ลง favorite ไม่งั้นจะเปลี่ยนไม่ทันเวลาเล่นสด****
**** และก็จำเป็นอีกหมือนกันครับ ที่ต้องทำ perform ไว้เสียงนึงไว้ใช้เคลียร์ค่า อย่างที่บอกไปข้างต้น ไม่งั้นจะไม่ทันเอา (ตรงนี้ผมพยายามหาวิธีที่ดีกว่าอยู่ครับ ได้ยังงัยแล้วจะมาบอกครับ"

ต่อไป จะมาพูดในส่วนของการ dit เพื่อเล่นสดนะครับ  ...
________________________________________
มาต่อเรื่องการ dit เพื่อการเล่นสดบ้างครับ
ตรงนี้อ่ะเป็นจุดที่ผมผิดหวังที่สุด

เพราะอะไร?

คือถ้าเปรียบ GW-8 เป็นผู้หญิง มันก็จะเป็นหญิงที่ผมเห็นแบบ หมดไส้หมดพุงแล้วอ่ะครับ 555 เห็นแม้แต่อวัยวะภายใน (ฮั่นแน่... อย่าคิดลึกครับ) ว่าเป็นยังงัย

GW-8 เนี่ย ใช้ ngine (ไม่ใช่ waverom) ที่เหมือนกับพวก Fantom X, Sonic Cell, Juno Stage, Juno-G, Juno-Di เด้ะๆ ฉะนั้นผมจึงพอรู้ว่ามันควรจะทำอะไรได้ และทำไม่ได้

ในการเล่นสดแล้ว สำหรับผม ผมไม่ต้องการความสามารถในการ dit tone ที่ลึกมากมายอะไรเลย
เพราะด้วย patch ที่ให้มามันก็ครอบคลุมอยู่ประมาณหนึ่งอยู่แล้ว และในการเล่นสดจริง เสียงที่ใช้มันก็อาจจะไม่ต้องเป้ะๆ 100% เหมือนต้นฉบับ
ฉะนั้นมีพื้นฐานให้ก็โอเคแล้ว ซึ่งตรงนี้มันก็ตอบโจทย์ แต่ที่ไม่ตอบก็คือ เรื่อง Dual และ Split น่ะแหละ!!!

จริงๆ ngine ข้างใน gw-8 และเหล่าพี่น้องของมันทั้งหลาย เป็น ngine ของรุ่นใหญ่ที่สุด
(อดีต- ซึ่ง ngine ของรุ่นใหญ่ที่สุดปัจจุบันของ Roland ก็แค่เป็น minor change เล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง)
มี 4 OSC/patch ซึ่งแม้แต่ Juno Di ก็ยังมี 4 OSC/patch เลย แต่ มีข้อแม้ว่าเวลา dit ลึกๆ (คำว่าลึกนี่ ลึกจริงๆนะครับ ลึกแบบ Fantom เลย) เนี่ย ต้องทำในคอมเท่านั้น
ตัว Juno-Di เองทำได้แค่พื้นฐานเท่านั้น

แต่ GW-8 นั้น ไม่ได้มี Synthesizer Editor มาให้ (มีแต่ style converter และ playlist ditor) พูดง่ายๆว่า กั้ก!!!!!!!!!!! นั่น ล่ะครับ ฉะนั้นผลคืออะไร?
ผลก็คือ ในแต่ละ perform มันก็จะทำอะไรไปไม่ได้ไปกว่า split และ layer นั่นเอง!! บางเพลงที่รายละเอียดเยอะๆ
สมมุติว่าผมจะให้ octave บนสุดเป็นเสียง sweep ลงมาเป็นเสียง bell ลงมาเป็นเสียง choir ส่วน octave ล่างสุดเป็นเสียง pad ทำไม่ได้ครับ!
หรือว่าประเภทว่า เสียง orchestra แต่ที่ velocity >100 จะมี timpani ออกมาด้วย อันนี้ก็ทำไม่ได้ครับ...
ฉะนั้นในเพลงนี่รายละเอียดหยุมหยิมหยุมหยิมเยอะๆ ก็จะต้องใช้ perform อาจจะ 2-3-4 เสียง ถึงจะเอาอยู่
แล้วทั้งหมดจะต้องถูก assign ลงใน favorite bank เดียวกันด้วย ซึ่งจะทำให้ favorite นั้นเต็มเร็วมากๆ
ตรงนี้ผมค่อนข้างจะหงุดหงิดเลย ไม่ใช่เพราะมันทำไม่ได้นะครับ แต่เพราะผมรู้ว่า ****จริงๆแล้วมันทำได้ ด้วย ngine ของมัน*****
แต่มันดันกั้กโดนการไม่ออก Synthesizer Editor ของ GW-8 มาให้....
อารมณ์ดียวกับว่า ผมซื้อรถมาคันนึง รู้ว่ารถคันนี้มันวิ่งได้ 350กม/ชม แต่ดันมาล็อคความเร็วที่ 250... เสียอารมณ์ครับ

ตอนนี้ผมกำลังหาทางทำให้ synthesizer ditor ของ sonic cell หรือ juno-di work กับ gw-8 ได้อยู่
น่าเสียดายที่ผมไม่มีความรู้ด้าน programming เท่าที่ควร ไม่งั้นผมเชื่อเหลือเกินว่าทำได้แน่ๆ
ด้วย h/w ที่เกือบจะเหมือนกัน (โดยเฉพาะใน SC กับ GW-8) มันควรจะ.. ไม่สิ มันจะต้องทำได้แน่ๆครับ
ซึ่งถ้าทำได้ GW-8 จะน่าใช้ขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวแน่ๆ

หากธีระได้มีโอกาสเห็นโพสต์นี้ของผมอยากให้ช่วยทีครับ...
ผมรู้ว่า Roland เป็นบริษัทที่แคร์ลูกค้า รับฟังลูกค้ามากๆ เห็นได้ชัดจาก GW-8 Version 1 ออกมา แล้วโดนด่าเรื่อง
1. ไม่มี style ditor ในตัว
2. ไม่สามารถ assign MFX ไปในแต่ละ track ใน song ได้

หลังจากนั้นไม่นาน Roland ออกมากับ GW-8 Version 2 ที่ทำทุกอย่างตามที่ข้างบนบอกได้
ทำให้ GW-8 น่าใช้ขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆ ที่สำคัญกว่าฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นมา คือจิตใจของลูกค้าครับ
ว่า Roland เป็นบริษัทที่รับฟังลูกค้าจริงๆ ฉะนั้น จึงอยากขอความกรุณา ทำ synthesizer ditor ให้ gw-8 นะครับ
ผมเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นเหตุผลทางด้านการตลาดว่าจะเกิดการ cannibalize กัน (กินกันเอง)... แต่ผมกลับคิดอย่างนี้นะครับ

1. Juno-Di
ด้วย Price Point ที่ต่างกัน ไม่น่ากระทบอะไรกับรุ่นเล็กเท่าไหร่อยู่แล้วครับ

2. Juno-G
แน่นอนว่าด้วย Rom ของ GW8 ที่มากกว่า Juno-G อยู่ 4 เท่า จากเสียงของ SC + World
หากเพิ่ม Synthesizer Editor GW-8 จะน่าใช้กว่า Juno-G มากๆๆๆ แต่ก็อย่าลืมว่า Juno-G มี Audio-Recorder
และจอที่ใหญ่กว่า Edit บนตัวเครื่องได้มากกว่า GW-8 อยู่แล้ว มี Sequencer ที่ดีกว่า
ฉะนั้นถึงเสียง GW-8 จะดีกว่า แถมมี Arranger แต่ในด้านการทำเพลง Juno-G ก็เหมาะสมครับ
-----------------------------------------------------
ยัง ไม่จบ 555 มันมีสิ่งที่กวนใจผมเล็กๆน้อยๆเหมือนกันครับ ไหนๆก็ review แบบเจาะลึก ถึงใส้ ถึงพุงแล้ว มันก็ต้องเอาให้ครบ จริงมั้ยครับ

จุดเล็กๆน้อยๆที่สามารถปรับปรุงได้

1. ใน SC มันมี Function Patch Remain แต่ใน GW-8 หายไปไหนไม่รู้??????.... ตรงนี้ไม่ได้ซีเรียสมากเท่า ditor ครับ แต่ถ้ามี ก็จะดีมากถึงมากที่สุด

2. ทีแรกผมดีใจที่มีปุ่ม Piano Mode นะครับ วิธีเข้า Piano mode ก็คือกด Split กับ Dual ไว้พร้อมกัน
แต่ปุ่มนี้จริงๆแล้วมันไม่เวิร์คเลยครับ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันแค่เอา split กับ dual ออก ในกรณีที่อยู่ใน mode perform
แต่มันไม่ได้เอา setting อื่นๆออกไป เช่น octave สมมุติ perform อันก่อนที่คุณใช้ตั้ง octave +2 ไว้
พอเข้า piano mode มันก็ยังจะเป็น octave +2 อยู่ ซึ่งตรงนี้มันไม่ practical ครับ

3. D Beam (Assignable 1+2) มีประโยชน์มากครับ แต่จะมีประโยชน์มากขึ้นหากมัน assign ค่าได้มากกว่านะ
เช่น assign ให้เคลียค่าใน perform assign ให้ Assign ให้เปลี่ยนเข้า mode arranger (ปุ่ม style, auto fill-in, sync start ขึ้น พร้อมใช้งาน style)
assign ค่าให้เป็น perform up หรือ perform down หรือ assign ให้เปลี่ยน mode จาก tone เป็น perform หรือ assign
ให้เปลี่ยนจาก perform preset เป็น perform user ตรงนี้อยากให้รวมถึง assignable pedal ด้วยนะครับ
ให้มันสั่งค่าพวกนี้ได้ด้วย (ไอ้ที่บอกมา perform up กับ down มันทำได้ แต่อื่นๆทำไม่ได้ครับ)

4. การเปลี่ยนจาก perform preset ไป user ต้องใช้หลายปุ่มไปหน่อยครับ
และส่วนตัวผมเนี่ยผมไม่เคยใช้ perform preset เลย น่าจะ set ค่า default เป็น perform user ได้ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาครับ

5. Transpose ผมอะไม่ชอบจริงๆไอ้ระบบ C C# D D# อะไรงี้ ผมชอบแบบตัวเลขมากกว่าเยอะเลย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวงจริงก็คือ เฮ้ย ลบสอง ลบสามนะ
ไอ้นี่ต้องมานั่งบวกเลขต่อ ว่า ไอ้ -3 นี่ ต้องหมุนไป A จาก C ซึ่งจริงๆเพลงที่เล่นอยู่อาจจะเป็นคีย์ E ลบ 3 ซึ่งก็จะเป็น C# ก็ได้
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมไม่ transpose เป็นระบบตัวเลขปกติครับ

6. เวลา playback midi ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใช้ part view ไม่ได้ แล้ว mute หรือ solo เป็น track ไป
เหมือนกับเวลาอยู่ mode style แต่ต้องไปปิด track midi ที่ไอ้ตรง center cancel เอา ซึ่งมันไม่ค่อยสะดวกซักเท่าไหร่ครับ

7. อันนี้ Yamaha เค้าทำได้ แต่ Roland ทำไม่ได้คือ ทำไม midi mp3 aiff wav ที่จะมาเล่นให้เครื่องนี้ จะอยู่ใน folder ไม่ได้
ทำไมต้องอยู่ใน root แล้วใช้ playlist ditor จัดการเอา ถ้าเป็น yamaha เราสามารถจะเลือก folder ได้เลย
แถม handy drive ที่จะมาใช้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง format โดยเครื่องมันเอง คือเอา handy drive จากคอมมาใช้ได้เลย
ไม่เหมือน Roland ที่ต้องเอา handy drive ไป format ในเครื่องมันก่อน ถึงจะใช้ได้

8. บาง styles น่าจะแก้ให้ balance ขึ้นนิดนึงครับในเรื่องของระดับเสียงดนตรี มีจังหวะนึง
ผมจำได้ว่าเป็น rock ถัดจากจังหวะเบอร์ 1 ที่ชื่อ straight rock คือที่ main 4 เนี่ย กีต้าร์มันดังจนน่ารำคาญมากๆๆๆๆๆๆๆ รำคาญจนเรียกว่าใช้ไม่ได้เลย
และพอลด volume ในส่วนของ backing ลง ไอ้กีต้าร์เสียงนั้นมันก็ดันไม่ลดลงตามเสี่ยงอื่นด้วย
เรียกได้ว่ากวนมากๆ เครื่องนี้มันมีบาง styles ที่มี bug อยู่ครับ ถ้าแก้ได้จะดีมากๆ

เกือบลืมไป อันนี้สำคัญมาก!!
9. GW-8 มัน Split กับ Dual พร้อมกันไม่ได้ คือใน perform มันให้ upper tone เป็นเสียง dual แล้ว lower tone เป็นเสียง dual
พูดง่ายๆก็คือ เอา perform มา dual หรือ split กับ perform ไม่ได้นั่นหนะแหละครับ

จะเห็นว่าทั้งหมด เป็นเรื่องของ software ไม่มีฮาร์ดแวร์เลยครับ ถ้าแก้ได้ตรงนี้จะ perfect เลย 
------------------------------------------------------------
สรุป (สำหรับคนที่ไม่อยากอ่าน review มหากาพย์โดตรยาวอันนี้ครับ) เปรียบเทียบกับ Arranger ของ "คู่แข่ง" อีกตัวที่ผมใช้อยู่ประจำ (ใบ้ให้ก็ได้ว่าเป็น PSR-S910 อิอิ)

Build Quality: 8/10
งานภายนอกดูดีครับ งานประกอบและวัสดุดูคุ้มค่ากับราคา ตัวจริงดูสวยกว่าในรูป คีย์เป็นแบบ Juno-G control ง่าย ไม่นุ่มๆ นิ่มๆ เหมือน action ของพวก PSR,X50
แต่มันก็ไม่ได้รู้สึก solid เหมือนคีย์ Fantom G, M3, XS (ก็แน่ล่ะสิ สำหรับราคาที่ถูกกว่าพวกนั้นมากกว่าครึ่ง)

Sound Quality: 10/10
เสียงไม่รู้จะติอะไรจริงๆครับ ยิ่งหากพิจารณากับราคา 32,000 บาท เสียงไม่มีอะไรที่ด้อยกว่า Fantom X เลย
จะดีกว่าด้วยซ้ำไปเนื่องจากเป็นชุดเสียงของ Sonic Cell + การ์ด SRX09 - World (แบบไม่ลดทอน D/A Converter)
หากเทียบกับ arranger ของคุ่แข่งแล้ว พูดตามตรงว่าเรื่องเสียงโดยรวมนี่ดีกว่ามากเลยครับ
และผมไม่ได้หมายถึง Arranger ของคู่แข่งที่ราคาใกล้เคียงกัน แต่ผมกำลังหมายถึง Arranger ของคู่แข่งที่ราคามากกว่านี้เกือบสองเท่า

Features: 9/10
อาจจะเห็นผมติมาก็ไม่น้อย แต่ทำไมคะแนน features ผมให้ 9/10 เหตุผลก็คือ เพราะจากราคา 32,000 งัยครับ
ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ผมติไป อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ควรคาดหวังจาก keyboard ราคาเท่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
จะว่าไปแล้วสิ่งที่ GW-8 ให้นั้น ทั้งเสียงระดับท๊อป จังหวะที่ไม่ห่างกับคู่แข่งในรุ่นท๊อปเท่าไหร่เลย
(แล้วแต่คนชอบครับตรงนี้) mp3, midi player ความเป็น synth รวมถึง features ของการเล่นสด ต่างๆนาๆ ทำให้ features ที่ให้มานั้น มันสมควรได้ 10 เต็มด้วยซ้ำไป
แต่ที่ผมยังกั้กไว้คะแนนนึงก็เพราะ ผมยังรู้สึกว่า features ในส่วนที่เป็น Arranger อย่างเดียว มันยังสู้คู่แข่ง(ที่ราคาสูงกว่าเกือบสองเท่า)
เช่นความสามารถในการเล่นเป็น one-man-band แถมยังมี internal speakers ด้วย ไม่ได้

In Use: Arranger: 7/10
จังหวะเท่หฺ์ มีชั้นเชิงกว่าคู่แข่ง แต่หลายๆครั้งยังขาดๆเกินๆอยู่ สำหรับ Styles ของคู่แข่งนั้น
ส่วนตัวแล้วผมว่าน่าใช้กว่ากับแนวเพลงที่ผมเล่น เนื่องจากมันลอกเค้ามาทั้งดุ้นเลย กดไปนี่รู้เลยว่า style นี้ทำมาเพื่ออะไร
สำหรับ GW-8 Styles จะ focus ที่เพลงใหม่ๆมากกว่าของคู่แข่ง มี groove ที่ซิ่งกว่า และมีอะไรมา surprise มากกว่า
(บางที เสียงอะไรก็ไม่รู้ มาได้งัยก็ไม่รู้ ปิดแทบไม่ทัน) ในภาค arranger จะใช้ยากกว่าคู่แข่งนิดหน่อยครับ
โดยเฉพาะการที่ดันเอาปุ่ม 1 2 3 4 ไปแชร์กันหมดระหว่าง intro main nding และไม่มีปุ่ม break เหมือนของคู่แข่ง

In Use: Synthesizer: 7/10
ถามว่า GW-8 ใช้เป็น "Synth ที่มี arranger แถมมา" ได้มั้ย? คำตอบคือ ได้ครับ แต่จะไม่สะดวกเหมือนใช้ synth ที่เป็น synth จริงๆ
ถึงแม้ GW-8 จะมีฟังก์ชั่นในการเล่นสดมาให้แต่ในความเป็นจริงแล้ว เนื่องจาก styles ของมัน
ทำให้บางทีมันต้องกดโน่นที นี่ที มากกว่าปกติ ในการจะทำอะไรซักอย่าง ซึ่งถ้าคุ้นเคยแล้วก็จะเอาตัวรอดในสถานการณ์สดได้ครับ
อย่างไรก็ตาม หากคุณฝึกจนคล่อง คุณจะได้ synth ดีๆตัวนึง ที่มีเสียงระดับท๊อปอยู่ทีเดียว

Value for Money: 10/10
โคตรจะคุ้ม เนื่องจากความเป็นลูกผสม synth + arranger + top-class sounds จริงๆ Roland จะตั้งราคาแพงกว่านี้ก็ได้นะครับ
โดยเฉพาะหากมีฟังก์ชั่นต่างๆตามที่ผมเขียนไป จริงๆแล้วนี่เป็นคีย์บอร์ดตัวแรกจริงๆ ที่ผมคิดว่ามันถูกไป มันถูกจนทำให้ผมคิดว่า
เมื่อประมาณสามสี่ปีมาแล้วเอง ผมซื้อ Fantom Xr มาในราคาห้าหมื่นกว่าบาท และ Fantom X8 มาแสนกว่าบาท
มานาทีนี้ จ่ายไป 32000 ได้คีย์บอร์ดที่เสียงดีกว่าไอ้สองตัวนั้นอีก แต่ก็อีกอ่ะครับ การเป็น keyboard ที่ดีมันไม่ได้วัดแค่เรื่องเสียง
ส่วนความสามารถด้าน Arranger ของมันนั้น ถ้าเทียบกับ PSR ผมว่ามันดีกว่า PSR-S550 อยู่หลายขุมเลย
เรียกว่าใกล้คียงกับ PSR-S710 ในราคาที่ถูกกว่า

แถมได้ sounds ระดับท๊อปๆมาอีก... คุ้มโคตรๆค

ออฟไลน์ อ๊อด ลำพูน

  • คณะก่อการ
  • ระดับ 5
  • ***
  • กระทู้: 1281
  • HL#> 740EB29E
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 19:11:53 น. »
น้ำลายไหลครับป๋า :thank1:

ออฟไลน์ ดอกแคนมิวสิค

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 153
  • 4D67AAC7 คำแคนสตูดิโอ
Re: Sonic Cell SF2 ที่รอมานาน
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: วันที่ 28 ตุลาคม 2011, 21:10:02 น. »
ท่านผู้รู้ในนี้สันทัดจริงๆขอบคุณครับ  ผมหมายถึง  sonic cell  ครับ  ไม่ใช่คีย์บอร์ดหรืออิเล็คโทน :thank1: