ต่อครับ และขอขอบพระคุณ
www.patid.com เว็บที่ให้ความรู้มาตลอดครับ
ต่อครับ ต้องขออภัยด้วยที่ครั้งนี้รวดเดียวจบไม่ได้ เพราะครั้งนี้ยาวจริงๆครับ
มันมีเรื่องให้ review ทั้งเสียง ทั้งจังหวะ เป็นสองเรื่องใหญ่ๆไม่เหมือน synth ทั่วไปครับ
เรื่องจังหวะ (auto-accompaniment)
อย่างที่บอกครับ ว่าก่อนซื้อตัวนี้ผมไม่คาดหวังว่ามันจะได้ใกล้เคียง S910 อยู่แล้ว...
แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริงๆครับ...
คือไม่ใช่ว่าจังหวะมันไม่ดีนะครับ แต่ styles ของมันนั้น สำหรับผม มันไม่ได้พร้อมใช้งานเหมือน s910 ที่กดแล้วรู้เลยว่า
ควรจะไปอะไรต่อ แรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่จะเล่นเพลงอื่นๆที่จังหวะมันเอื้อ หรือแรงบันดาลใจที่จะแต่งเพลง มันออกมาทันทีครับ
(แต่มักจะเป็นอย่างแรกมากกว่า อิอิ) styles ของ gw-8 นั้นมันมีส่วนคล้าย gw-7 อยู่ที่ว่า เป็น styles ที่สร้างมาโดยนักดนตรีบ้าพลัง
พยายามจะให้สไตล์มันใหม่ และเท่ห์ ฉะนั้นบางจังหวะเราจะให้เห็นเบสซิ่งๆ กีต้าร์เท่ห์ๆ แต่เหมือนว่าผมสื่อสารกับมันไม่ค่อยรู้เรื่อง
คือการเล่นดนตรี มันก็เหมือนการคุยกันอ่ะครับ ดนตรีพูดมาแบบไหน เราก็ตอบไปเป็นภาษาดนตรีแบบนั้น
ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผมกับ s910 จูนกันติด แต่สำหรับ gw-8 หลายๆครั้งพอจบ intro เบอร์ 4 ผมก็ยัง งงๆ อ้าว จบแล้วเหรอ งัยต่อล่ะทีนี้
อาจจะเป็นไปได้ว่า styles ของ gw-8 นั้น เน้นที่ contemporary music และ world จังหวะ เฉพาะ pop+rock นี่ ถ้าผมจำไม่ผิด
มีตั้งเกือบ 60 จังหวะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น pop+rock ใหม่ๆ ทั้ง style และ sound ของเก่าก็พอมีบ้างครับ
แต่ไม่เยอะเหมือน S910, styles ของ gw-8 นั้น มีไอเดียที่ดีครับ แต่เพราะเป็นไอเดียที่ใหม่นี่ล่ะ ทำให้ผมอาจจะไม่คุ้นเคย ใน s910 ทุกๆจังหวะ ทุกๆ intro
มันเหมือนถูกทำมาจากเพลง reference บางเพลง ที่กลิ่นของเพลงนั้นๆมันออกมาค่อนข้างชัดเจนครับ
ที่ผมพูดมานี่ ไม่ได้แปลว่า styles ของ gw-8 แย่เลยนะครับ แต่นี่ผมกำลังเปรียบเทียบกับ arranger ซึ่งราคามากกว่า gw-8 เกือบสองเท่าอยู่
styles ของ gw-8 พวก pop, r&b,hiphop, contemp ผมว่า gw-8 กิน S910 ครับ
แต่เผอิญว่าแนวที่ผมเล่น styles พวกเพลงฝรั่งยุค 80 เพลงไทยแกรมมี่ยุค 80 light music, instrumental, ballads อะไรพวกนี้
ใน S910 มันตอบโจทย์ได้มากกว่าเท่านั้นเองครับ ฉะนั้นตรงนี้มันอยู่ที่ว่า เราจะชอบแนวไหนมากกว่ากันมากกว่าครับ
จริงๆแล้ว ด้วยระดับราคาของ gw-8 นั้น มันควรจะไปเทียบกับ PSR-S550 หรือ S710 แต่ด้วยความคุ้นเคยของผมกับ S910
กับความรู้สึกที่ว่า GW-8 มันดีกว่าS550 เอาซะมากๆ ก็เลยไม่เอาไปเทียบกับตัวนั้นครับ
ส่วนเรื่อง Styles World ต่างๆนั้น ถ้าเป็นคนอินกับแนวนี้ก็คงชอบเลยครับ styles พวกนี้มีให้เยอะมากๆ ทั้งจีน อินเดีย ไทย ไทยนี่
ถ้าเป็นนักดนตรีลูกทุ่ง เซิ้ง หมอลำ อีสาน น่าจะชอบสุดๆ เพราะจังหวะนี่มันโคดจะใช่เลยครับ ทำมาใช้ได้เลย
เสียอยู่อย่างเดียวที่ผมอาจจะไม่อินกันแนวพวกนี้ ก็เลยใช้ประโยชน์จากข้อดีตรงนี้ของมันได้ไม่เต็มที่
เรื่องความชอบส่วนตัวผ่านไป ทีนี้ขอมาแชร์สิ่งที่ผมคิดว่า Roland ทำได้ไม่ค่อยดีกับ GW-8 บ้างครับที่เกี่ยวกับ styles
คืออย่างที่ผมบอกไปข้างต้น อย่างนึงที่ผมชอบ S910 มากคือความ balance ของเสียง
ความที่ instruments ทุกๆชิ้น ไม่ได้แย่งกันเป็นฮีโร่ แต่พอรวมกันแล้วมันเป็นวง ฟังดูดี แต่ใน GW-8 นั้น เสียงมันไม่ balance ครับ
นั่นก็คือ ในบาง style มันก็พยายามจะดัน guitar ประมาณว่า โชว์ว่ากีต้าร์(กู)เจ๋ง ว่างั้นเหอะ ออกมา
ฉะนั้น guitar riffs ของมันก็จะดังออกมาเลย กวนเพลงมากๆครับ กวนมือขวาของผมที่จะเล่น melody เอาซะมากๆเลย
และในหลายๆจังหวะ โดยเฉพาะพวกจังหวะ jazz นั้น ผมเล่นดูก็รู้ว่าคนที่โปรแกรมเสียงเปียโนในนั้นเค้าคงเก่ง มีกุ๊งกิ๊งๆ ตรงนั้นตรงนี้ตลอด
แต่ประเด็นก็คือ ผมต้องการเล่นครับ อย่ามาแย่งผมเล่น! ใน S910 นั้น ต่อให้เป็นจังหวะ jazz ที่มีเปียโนกุ๊งกิ๊งๆ
ไอ้เปียโนนี้มันก็จะไม่มากวนเลยครับ มันจะกุ๊งกิ๊งแบบเป็น background อยู๋ข้างหลังห่างๆเลย เรียกได้ว่าต่อให้จังหวะนั้นผมเล่นเป็นเปียโน
ผมก็จะไม่รำคาญไอ้กุ๊งกิ๊งนั่น แต่ใน gw-8 นั้น พอมันกุ๊งกิ๊งมาที ผมก็ เฮ้ยยย เลยครับ ขโมยซีนมาซะงั้น...
ต้องไปปิดโดยด่วน ไม่งั้นจังหวะนั้นก็คงไม่ได้ใช้อีกเลย ตรงนี้มันสำคัญอย่างงี้ครับ ใน S910 นั้น
ทุกๆจังหวะผมสามารถจะไว้ใจได้เพียงแค่ฟังห้องสองห้อง แล้วก็เล่นได้เลย
แต่ใน gw-8 ในแต่ละจังหวะผมต้องฟังให้จบ หมดครบทุก variations ก่อนถึงกล้าใช้
เพราะไม่รู้อยู่ๆจะเจอตัวละครลับอะไรออกมาบ้างให้ตกใจเล่น..
GW-8 ที่ผมได้มานั้นเป็น Version 2 แล้วครับ ใน Version 2 นี้เราจะสามารถ dit styles ได้บนเครื่องได้เลย โดยไม่ต้องใช้คอม
และสามารถใช้ MFX แยกในแต่ละ track ใน song ก็ได้ครับ (Ver 1 ทำไม่ได้) ก็ดีครับ
ตรงนี้คือสิ่งที่ Roland ฟังลูกค้า แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไขโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ต้องขอชมจริงๆครับ
ข้อที่ผมไม่ชอบอีกข้อก็คงเป็นเรื่องของ fills ครับ ถูกครับ ไอ้พวก fill-in น่ะแหละ ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรว่ามัน fill ไม่ค่อยถูกใจผมเหมือน S910เลย
สำหรับผม arranger ที่ดี ต้องทำมาอลังการในส่วนของ intro fill แล้วก็ nding ซึ่งนั่นก็คือส่วนที่ผมไม่ได้เล่น มือว่างครับ
แต่ถ้าผมเริ่มเล่นเมื่อไหร่ ผมต้องการให้ทุกอย่างถอยไปให้หมด ไอ้ gw-8 นั่นมันออกแนว โชว์พาวไปซะหมด intro 4 นี่อลังมาก
พอมา main ก็ยังไม่พ้นโชว์พาว ส่วน nding ไม่ค่อยชอบคิดใหม่ ก็เอา intro อ่ะแหละมาเล่นแล้วก็จบ ต่างกับ S910 ที่ Ending หลายๆอัน
สร้างความอลังการและประทับใจได้มากๆเท่ากับ intro ครับ
อ่อ มีอีกปัญหานึง ที่อาจจะฟังดูเป็นปัญหาโง่ๆ แต่ผมไม่รู้จริงๆ ตรงนี้ใครรู้ช่วยผมทีครับ...
คือสมมุติว่าผมจะขึ้นด้วย intro 4 ผมก็จะกด 4 แล้วก็ intro ใช่มั้ยครับ
ทีนี้เนี่ย สมมุติว่าเล่นไปเรื่อยๆจน intro จบ ทีนี้เนื่องจากที่ variation 4 มันถูกเลือกอยู่ มันก็จะเข้า main อัติโนมัติใช่มั้ยครับ
ปัญหาก็คือ เวลาเข้า main มันก็จะเข้า main variation ที่ 4 ด้วย ซึ่งในความเป็นจริง เพลงบ้าอะไรจะเริ่มจาก variation 4 ที่มีอะไรเต็มไปหมด
ก็คงต้องเริ่มจาก 1 หรือ 2 สมมุติว่าในเคสนี้ผมต้องการ 2 และกัน
ปัญหาก็คือ ในระหว่างที่ intro เล่นอยู่เนี่ย ผมจะกด 2 ไปล่วงหน้าไม่ได้ เพราะนั่นหมายความว่ามันจะเป็นปลี่ยนไป intro 2 หรือผมจะกด 2 แล้ว main ไม่ได้
เพราะนั่นหมายความว่า จาก intro 4 ที่เล่นอยู่ มันจะตัดไปเข้า main 2 เลย โดยที่ไม่รอให้ intro จบก่อน
ฉะนั้นผมก็จะต้องมานั่งจ้องฟังดีๆว่าเมื่อไหร่ intro จะจบ แล้วรีบกด variation 2 เพราะถ้ากดเร็วไปปุ๊ป มันจะตัดเข้า main 2 เลย ซึ่งจะฟังดูแหม่งๆมาก
หรือถ้ากดช้าไป มันก็จะเข้า main 4 ก่อน แล้วถึง fill เข้า main 2!!! งงครับ....
ตอนนี้ก็พยายามเปิดคู่มือหาคำตอบอยู่ว่าทำงัย ให้มันรู้ว่าหลังจาก intro 4 ให้ไปที่ main 2 โดยที่ไม่ต้องรอ intro ให้จบก่อน...
หากใครทราบช่วยรบกวนช่วยผมตรงนี้ทีนะครับ ตรงนี้ไม่ใช่ข้อเสียอะไรหรอกครับ
อาจจะเป็นความไม่รู้ของผมเอง ตรงนี้ก็แอบคิดไปว่า ถ้ามันมีปุ่น intro 1 2 3 4 main 1 2 3 4 nding 1 2 3 4 แยกกันแบบ yamaha เลยก็คงจะดี
เดี๋ยวมีภาคสรุปต่อนะครับ แป๊ปปปปนึงครับ
________________________________________
สรุปก็คือ หากผมเป็นวิศวกรหรือ marketing ของ Roland นะครับ หากจะออก gw-8 รุ่นใหม่ สมมุติเล่นๆว่าชื่อ GW-8GX ก็แล้วกัน
กำลังอินเทรนด์ อิอิ ผมอยากจะให้มีข้อเพิ่มเติมแก้ไขดังนี้ครับ
1. มีปุ่ม intro 1 2 3 4 main 1 2 3 4 Ending 1 2 3 4 และมีปุ่ม Break ด้วย ปุ่ม Break นี่ทำให้ arranger มีเสน่ห์ได้อีกโขเลยนะครับ....
2. ขอลำโพงในตัวเหมือน PSR แต่ไม่เอาให้ขนาดเครื่องใหญ่เท่า PSR นะครับ
3. จอสี (เข้าใจว่าใส่ได้ แต่ไม่ใช่ราคานี้ครับ )
4. ทำ version 88 keys hammer action มา หรือเวอร์ชั่น 76 keys เป็น weighted keys เหมือน Juno-Stage จะดีมาก
5. ความ Balance ของ patches และ styles ครับ อย่างที่บอกไปข้างต้น
โดยเฉพาะ styles ที่แบบอยากให้เป็น styles ที่คนเล่นจะเล่นสนุกจริงๆ ไม่ใช่ programmer มาโชว์พาว
6. Styles แบบที่ ก๊อปเพลงฮิตๆ ดังๆ ใครๆ ก็รู้จักมาบ้างเหมือน PSR.. ผมว่าตรงนี้มันสนุกดีนะครับ
ส่วนข้อดีก็อย่างที่บอกไปแล้ว นั่นก็คือ เสียงที่ไม่เป็นสองรองใครกับราคาแค่สามหมื่นต้นๆ DAC ที่ไม่ลดทอนคุณภาพ
น.น. ที่เบาขนย้ายสะดวก คีย์ที่พอจะเล่นได้ (ดีกว่า S910) จังหวะ contemp พวก pop rock hiphop R&B ที่ดีกว่า S910 และ functions ต่างๆของ synthesizer
------------------------------------------------------
มาเพิ่มเติมนิดนะครับ
จะมาบอกว่า ผมเจอวิธีเปลี่ยน variation ของ Main หลังจาก intro แล้วครับ ซึ่งวิธีนี้ manual ไม่มีบอกด้วย....
ทวนนิดนึง ปัญหาที่กวนใจของผมกับ GW-8 ที่สุดก็คือว่า มันไม่มีปุ่มแยกเหมือน Yamaha พวก Intro 1 2 3 4 Main 1 2 3 4 Ending 1 2 3 4
คือมันมีแต่ปุ่ม Intro Main และ Ending และปุ่มตัวเลข 1 2 3 4 ที่ใช้ร่วมกันทั้งหมด ฉะนั้นปัญหาก็คือ
สมมุติว่าผมจะใช้ Intro 1 ผมก็จะกด intro และปุ่ม 1 แล้วก็เล่นใช่มั้ยครับ ทีนี้พอจบ intro แล้ว มันก็จะเข้า main 1 เสมอ
บางทีผมอยากจะใช้ intro 1 ซึ่งเป็นกลอง fill เข้ามาเฉยๆ แล้วไป Main 4 เลย จึงทำไม่ได้ ทำได้ก็จะมีรอยต่อ
คือจาก intro 1 ปุ้ป มันจะเข้า main 1 แล้วเราถึงกด 4 ไป ก็จะมีกลอง fill แล้วเข้า main 4 ซึ่งมันจะไม่เนียนเลยถึงแม้เราจะกดได้ timing ถูกต้องยังงัยก็ตาม....
วิธีแก้ก็คือ เราต้องกด Main ก่อน intro ครับ!!! นั่นก็คือ สมมุติว่าเราอยากใช้ intro 1 แล้วไป main 4 สิ่งที่เราต้องกดก็คือ
1. ปุ่ม Main
2. กด 4
3. กด Intro
4. กด 1
แล้วเริ่มเล่น ทีนี้มันจะเล่น intro 1 แล้วพอจบ intro แล้วจะเข้า main 4....
เชื่อมั้้ยครับว่าตรงนี้ manual ไม่ได้บอก!!! สิ่งที่ manual บอกเกี่ยวกับ variations ตรงนี้ก็คือ แต่ละ intro main nding มี 4 variations
หากใช้ intro 3 ก็ให้กด intro แล้ว 3 หากอยากไปจาก main 2 ไป 3 ก็ให้กดปุ่ม 3 ซึ่งนั่น เด็กอนุบาลก็รู้ครับ!!!
________________________________________
เวลาเซฺฟ bank ทำไงอะครับ คือเสียงที่เล่นบ่อยๆ จะไม่ได้ต้องเลือกเสียงตลอดอะครับ <--- มี 2 วิธีครับ
1. เก็บมันเอาไว้ใน favorites ใน favorites จะมี 10 เสียงต่อ bank x 10 banks ก็จะได้ 100 เสียงครับ
วิธีเซฟใน favorite ก็คือกด favorite on/off แช่ไว้ แล้วเลือกหมายเลข (0-9) ที่จะเก็บลงไปใน favorite เท่านั้นเองครับ
2. เก็บมันเอาไว้ใน user perform วิธีก็คือ หลังจากที่เราได้ tone ที่ต้องการ ก็กด write แล้วก็ใส่ค่าต่างๆลงไปตามหน้าจอเลยครับ
ใน perform นี้มันจะเก็บทุกอย่าง ตั้งแต่ tone(s),key transpose, layer, split, octave, styles ครับ
--------------------------------------------------
ยังไม่จบครับ...
นี่อาจจะเป็นมหากาพย์ review ที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยมีมา 555 จริงๆแล้วเนี่ยไอ้การ review
มันคงเป็นไปได้ยากที่จะสามารถทำได้ภายในครั้งแรกที่เล่นครับ เพราะคงไม่มีใครไปขุดข้อดีข้อเสียของมันได้หมดหรอก
ฉะนั้นผมจึงจะมาอัพอยู่เรื่อยๆครับ... การ review คีย์บอร์ดก็เหมือนกับการคบกับผู้หญิง แรกๆก็ถูกความดีเค้าทำให้หลง
พอคบไปนานๆถึงรู้ว่าอันไหนดีอันไหนชั่ว (หรืออาจจะเป็นอย่างหลังทั้งหมด) 5 5 5
จนถึงนาทีนี้ จากที่ได้รับทราบจากพี่เปา paokopai review นี้ได้สร้างยอด GW-8 ให้กับทางธีระได้ไม่น้อยแน่ๆ
ตรงนี้ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรหรอกนะครับ แต่ ถ้าท่านเจ้าของร้านธีระ (ผู้ซึ่งใจดีกับผมมากๆ ประทับใจในการบริการมาก ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้นะครับ)
ได้มาเห็น review ของผมตรงนี้ การซื้อครั้งต่อไป ขอส่วนลดเพิ่มบ้างละกันนะครับ อิอิ
อ่ะ มา review กันต่อครับ ณ ตอนนี้ผมก็อยู่กับ GW-8 มาได้อาทิตย์หน่อยๆแล้ว ได้ใช้งานมันทั้งในแบบที่ควรจะใช้
และแบบที่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้แบบนั้น... ช่วงนี้ผมมีงานเล่นสดเข้ามาครับ
เป็นการเล่นที่ระห่ำมาก เพลงในลิสต์ที่ซ้อมกันมี 68 เพลง มีเวลา 2 อาทิตย์ ทุกแนวเลยจริงๆ
ตั้งแต่ ฝรั่ง ไทย ลูกกรุง ลูกทุ่ง ป๊อป rock dance disco วงพึ่งฟอร์มเฉพาะกิจเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
โดยที่มีคีย์บอร์ดตัวเดียว ต้องเอาให้อยู่ ไม่ใช่คนเดียวนะครับ แต่ตัวเดียว คือเป็นทั้งเปียโนและ synth ....
และแน่นอนที่สุด ในครั้งนี้ผมจึงเลือกที่จะลองวิชา ใช้ GW-8 เป็นคีย์บอร์ดตัวเดียวในงานนี้
(ก็ Roland บอกไม่ใช่รึ ว่านี่เป็นทั้ง synth และ arranger เลยต้องโดนลองของซะ จะว่าไปแล้ว จริงๆแล้วตัวนี้สร้างมาจาก ngine ของ synth ล้วนๆด้วยซ้ำไป ใส่ภาค arranger ลงไปเท่านั้นเอง)
สำหรับการเล่นสด ใช้ในวงนั้น หากพูดถึงเรื่องเสียง GW-8 ถือว่าผ่านฉลุย
เอาเข้าจริงๆผมรู้สึกชอบมันมากกว่า Fantom X อีก (ในเรื่องเสียงอย่างเดียวนะ) เสียงที่ผมชอบ gw-8 มากกว่า Fantom X
คือเสียงในกลุ่มพวก Piano, EP, Organ, Brass ที่เหลือเท่ากัน เพราะเหมือนๆกัน ยกเว้น solo synth ที่ผมรู้สึกว่าด้อยกว่า....
ในเรื่องเสียง ไปดู review ผมในหน้าแรกได้ครับ ได้พูดถึงไปพอสมควรแล้ว วันนี้ผมจะมาคุยถึงเรื่อง GW-8 กับการเป็น synth เล่นสดมากกว่า...
สำหรับการใช้งานในสถานการณ์สดนั้น มันมีบางอย่างที่สอบผ่าน และบางอย่างที่สอบตกครับ..
โครงสร้างเสียงของ GW-8 นั้น
จะแบ่งเป็น Tone (896 เสียง + 256 GM2 + เสียง World อีกเป็นร้อย แต่จำจำนานไม่ได้ครับ) + Perform (128 เสียง preset กับ 128 user
ซึ่งจะเหมือนกับ preset เป้ะๆจนกว่าเราจะเขียนทับลงไป) สำหรับ perform
ในความหมายของ Roland ก็คือการเอา tone มาเล่นแร่แปรธาตุนั่นล่ะครับ เอามา layer, split, transpose, octave + - dit เพิ่มเติม ฯลฯ อ่ะไรพวกนี้
สำหรับ user memory จะมี Perform user อยู่ 128 อัน ให้เราแต่งเสียงไม่ว่าจะเป็นจาก tone หรือจาก perform แล้วเอามาเก็บไว้ที่นี่
และเพื่อความสะดวกจะมี favorite ให้ 200 favorites คือเป็น favorites ในส่วนของ tone 100 อัน (10 banks x 10 registration ต่อ bank)
และเป็น favorites ในส่วนของ perform 100 อัน (10 banks x 10 registration ต่อ bank)
GW-8 จะไม่สามารถเล่นสดได้เลยหากขาดเจ้าปุ่ม favorites เพราะในการเปลี่ยน patch มันมีหลายขึ้นตอนและต้องกดหลายปุ่มมาก
ผมจะยกตัวอย่างละกันครับ สมมุติและกันว่าผมต้องการใช้เสียง brass เบอร์ 0389 ชื่อ Wide SynBrss ในการที่จะใช้เสียงนี้ ผมต้องกดแบบนี้ครับ
วิธีที่ 1
1. กดปุ่ม category/ sax/brass
2. มันจะไปที่เสียงแรกของ category นี้ คือ soprano sax
3. กด nter มันจะไปหน้า patch list
4. กดลูกศรขวา -> เพื่อเปลี่ยนจาก category ย่อย Ac.Brass เป็น SynthBrass
4. ให้ jog หมุนจนเจอ patch นี กด nter เพื่อออกมาหน้าจอหลัก หากไม่กด nter แล้วออกมาจากหน้าจอ patch list เสียงจะถูกเปลี่ยนกลับเป็นเสียงเดิมก่อนเข้าห้นา patch list
วิธีที่ 2
1. กดปุ่ม category/ sax/brass
2. มันจะไปที่เสียงแรกของ category นี้ คือ soprano sax
3. หมุนไปเรื่อยๆอย่างไร้ความหวังจนเจอเสียง Wide SynBrass 5 5 5
วิธีที่ 3
1. กดปุ่ม category/ sax/brass
2. มันจะไปที่เสียงแรกของ category นี้ คือ soprano sax
3. กด nter มันจะไปหน้า patch list
4. ให้ jog หมุนจนเจอ แต่จะต้องหมุนกันเมื่อยเลย เพราะว่ามันจะต้องหมุนจนหมด category Ac.Brass ก่อน มันถึงจะไป Category Synth Brass...
วิธีที่ 4
1. กดปุ่ม Numeric
2. กด 3 8 9
3. กด nter
วิธีที่ 5 (กรณี save ลง favorite tone ไว้)
1. กดปุ่ม favorite on/off (ขั้นตอนนี้ไม่จำเป็นหากอยู่ใน mode favorite อยู่แล้ว)
2. กดปุ่มเลือก patch เลยปุ่มเดียวจบตามที่เราได้ assign ไว้ (ในกรณีที่ไม่ได้เก็บไว้ใน favorite bank อื่น หากเก็บไว้ใน bank อื่น ก็ต้องเลือก bank ก่อน)
****จะเห็นได้ว่า favorites จำเป็นมากถึงมากที่สุดสำหรับ GW-8 ไม่มี หากไม่มีตรงนี้ คงไม่มีวันได้เอาตัวนี้ออกมาเล่นสดแน่ๆ****
วิธีที่ 4 กับ 5 ดูเหมือนง่ายใช่มั้ยครับ? แต่มันมีกับดักอีกแล้วครับ!!!
จำเรื่อง mode perform ได้มั้ยครับ... ที่บอกว่ามันจะเก็บค่าทุกอย่างไว้ ไม่ว่าจำเป็น tone ที่เรา dit, transpose, octave, dual/split
สมมุติว่าเรากำลังเล่นเพลงนึงอยู่ เสียงในตอน intro เราเล่นเสียงใน perform เสียงนึง ซึ่งเป็นเสียงที่เรา
- ใช้ split
- lower tone เป็น sweed pad
- lower tone ใช้ octave + 2
- upper tone เป็น Distortion Guitar
- upper tone ใช้ octave + 1
- ทั้งหมดนี้ transpose - 4
- cursur อยูที่ lower tone
- ตั้ง style ไว้ ไฟ style มันขึ้นอยู่
ทีนี้ intro จบแล้ว กำลังจะขึ้น verse 1 ซึ่งในนาทีนี้ สมมุติละกันว่า เราจะต้องใช้ bell ครับ
ซึ่ง สมมุติอีกว่า เราตั้งเสียง bell นี้อยู่ใน favorite 3 ละกันครับ
ตามตรรกะมนุษย์ทั่วไปแล้ว เปลี่ยนเสียงมาตรงนี้ ก็แค่น่าจะกด favorite on/off เพื่อเปิด favorite
(ในกรณีที่เสียงที่แล้วที่เป็น perform ไม่ใช่ perform ใน favorite หากอยู่ใน favorite อยู่แล้ว จะไม่ต้องกดปุ่มนี้)
หลังจากนั้นก็กดปุ่ม Tone และกดปุ่ม 3 เพื่อเลือก favorite 3 ตามที่เราได้ assign ไว้....
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่งั้นครับ!! เพราะเมื่อเรากด tone แล้วกด favorite 3 ตามที่ได้ assign ไว้
มันไปเปลี่ยนแค่ไอ้ upper หรือ lower tone ของ perform อันเก่าที่ได้เลือกไว้ ค่าอื่นๆจะยังอยู่ครบหมด!!!
ฉะนั้นในกรณี หากจะเปลี่ยนมาเป็นเสียงเบลล์ ต้องทำงัย?
1. กดปุ่มเลื่อน cursur จาก lower tone มาเป็น upper tone ก่อน
(หากไม่กด เปลี่ยนไป upper tone อะไรที่ทำต่อจากนี้จะไปกระทำกับ lower tone ทั้งหมด ทีนี้ที่เราเล่นมา
แทนที่จะเป็นเสียงเบลล์ มันจะเป็นเสียง distortion guitar ซึ่งรับรองว่าเพื่อนจะงงกันทั้งวงแน่ๆ มาจากไหนฟระะ)
2. เลือก upper tone โดยการกด favorite on/off แล้วกด favorite เบอร์ 3
3. กดปุ่ม style ออก เพราะหากไม่กดปุ่ม style ออก คีย์บอร์ดทางซ้ายจะใช้ไม่ได้
4. กดปุ่ม split ออก เพราะค่าเก่าค้าง split ไว้
5. กดปุ่ม Transpose แล้วหมุน jog ให้กลับไปที่ C (ระบบ tranpose ของ GW-8 จะไม่เป็นตัวเลข + - 1 2 3 4 อะไรงั้น
แต่จะเป็นคีย์ครับ default จะเป็น C หากอยาก +1 ก็หมุนไป C# ในกรณีนี้ - 4 บนจอก็จะขึ้น G# เราต้องใช้ Jog หมุนเป็น C ก่อน)
6. กดปุ่ม octave เพื่อ - octave ให้เป็นปกติ
******แล้วถึงจะเล่นได้!!!!!!!**********
ฉะนั้นทางก็ก็คือ เราต้องสร้าง perform ไว้อันนึง ให้เป็น perform ที่ใช้เคลียร์ค่า แล้วเก็บไว้ใน favorite
ยกตัวอย่างเช่น เราสร้าง perform ที่เป็นเสียง piano เดี่ยวๆ อย่างเดียว ไม่มีค่าอะไรอื่นๆเลย เพื่อที่จะ reset ค่าทุกค่าใน perform เสียงก่อน assign มันเข้าไปใน favorite
แล้วมากดปุ่มนี้ทุกครั้งก่อนจะไปที่ tone
ฉะนั้น ขั้นตอนที่เร็วที่สุดในการเลือก tone ที่เราต้องการ หากมาจาก perform จะเป็นดังนี้ครับ... (ในกรณี assign ลง favorite ไว้หมดแล้ว)
1. จากเสียง perform เสียงปัจจุบัน ให้เปลี่ยนเสียงเป็นเสียง perform ที่ใช้เคลียค่าที่เราเก็บไว้ใน favorite สมมุติเป็น favorite เบอร์ 9 ละกัน ก็กดปุ่ม 9
2. กดปุ่น tone เพื่อเปลี่ยนจาก perform เป็น tone
3. กดปุ่น favorite ที่เรา assign ค่าไว้ สมมุติ assign ไว้ที่ 4 ก็กด 4
ฉะนั้น การเปลี่ยนเสียงจาก perfome มา tone (ที่อยู่ใน favorite อยู่แล้ว) ก็ยังต้องใช้ทั้งหมด 3 ปุ่ม อย่างต่ำครับ....
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง เราไม่ได้เปลี่ยนจาก perform ไป tone ตลอดเวลา
หลายๆครั้งเราก็เปลี่ยนไปปลี่ยนมาใน perform ด้วยกันเอง หรือใน tone ด้วยกันเอง ในกรณีนี้ หากเรา assign เข้าไปใน favorite แล้ว
เราสามารถจะเปลี่ยนเสียงได้ภายในปุ่มเดียวเหมือนกันครับ... ก็จะเร็วมากๆ อันที่ผมยกตัวอย่าง เป็นกรณีศึกษาที่สุดโต่งเท่านั้นเองครับ ...
**** กล่าวโดยสรุปก็คือ perform ไหน หรือ tone ไหนที่จะใช้ จำเป็นนะครับที่จะต้อง assign ลง favorite ไม่งั้นจะเปลี่ยนไม่ทันเวลาเล่นสด****
**** และก็จำเป็นอีกหมือนกันครับ ที่ต้องทำ perform ไว้เสียงนึงไว้ใช้เคลียร์ค่า อย่างที่บอกไปข้างต้น ไม่งั้นจะไม่ทันเอา (ตรงนี้ผมพยายามหาวิธีที่ดีกว่าอยู่ครับ ได้ยังงัยแล้วจะมาบอกครับ"
ต่อไป จะมาพูดในส่วนของการ dit เพื่อเล่นสดนะครับ ...
________________________________________
มาต่อเรื่องการ dit เพื่อการเล่นสดบ้างครับ
ตรงนี้อ่ะเป็นจุดที่ผมผิดหวังที่สุด
เพราะอะไร?
คือถ้าเปรียบ GW-8 เป็นผู้หญิง มันก็จะเป็นหญิงที่ผมเห็นแบบ หมดไส้หมดพุงแล้วอ่ะครับ 555 เห็นแม้แต่อวัยวะภายใน (ฮั่นแน่... อย่าคิดลึกครับ) ว่าเป็นยังงัย
GW-8 เนี่ย ใช้ ngine (ไม่ใช่ waverom) ที่เหมือนกับพวก Fantom X, Sonic Cell, Juno Stage, Juno-G, Juno-Di เด้ะๆ ฉะนั้นผมจึงพอรู้ว่ามันควรจะทำอะไรได้ และทำไม่ได้
ในการเล่นสดแล้ว สำหรับผม ผมไม่ต้องการความสามารถในการ dit tone ที่ลึกมากมายอะไรเลย
เพราะด้วย patch ที่ให้มามันก็ครอบคลุมอยู่ประมาณหนึ่งอยู่แล้ว และในการเล่นสดจริง เสียงที่ใช้มันก็อาจจะไม่ต้องเป้ะๆ 100% เหมือนต้นฉบับ
ฉะนั้นมีพื้นฐานให้ก็โอเคแล้ว ซึ่งตรงนี้มันก็ตอบโจทย์ แต่ที่ไม่ตอบก็คือ เรื่อง Dual และ Split น่ะแหละ!!!
จริงๆ ngine ข้างใน gw-8 และเหล่าพี่น้องของมันทั้งหลาย เป็น ngine ของรุ่นใหญ่ที่สุด
(อดีต- ซึ่ง ngine ของรุ่นใหญ่ที่สุดปัจจุบันของ Roland ก็แค่เป็น minor change เล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง)
มี 4 OSC/patch ซึ่งแม้แต่ Juno Di ก็ยังมี 4 OSC/patch เลย แต่ มีข้อแม้ว่าเวลา dit ลึกๆ (คำว่าลึกนี่ ลึกจริงๆนะครับ ลึกแบบ Fantom เลย) เนี่ย ต้องทำในคอมเท่านั้น
ตัว Juno-Di เองทำได้แค่พื้นฐานเท่านั้น
แต่ GW-8 นั้น ไม่ได้มี Synthesizer Editor มาให้ (มีแต่ style converter และ playlist ditor) พูดง่ายๆว่า กั้ก!!!!!!!!!!! นั่น ล่ะครับ ฉะนั้นผลคืออะไร?
ผลก็คือ ในแต่ละ perform มันก็จะทำอะไรไปไม่ได้ไปกว่า split และ layer นั่นเอง!! บางเพลงที่รายละเอียดเยอะๆ
สมมุติว่าผมจะให้ octave บนสุดเป็นเสียง sweep ลงมาเป็นเสียง bell ลงมาเป็นเสียง choir ส่วน octave ล่างสุดเป็นเสียง pad ทำไม่ได้ครับ!
หรือว่าประเภทว่า เสียง orchestra แต่ที่ velocity >100 จะมี timpani ออกมาด้วย อันนี้ก็ทำไม่ได้ครับ...
ฉะนั้นในเพลงนี่รายละเอียดหยุมหยิมหยุมหยิมเยอะๆ ก็จะต้องใช้ perform อาจจะ 2-3-4 เสียง ถึงจะเอาอยู่
แล้วทั้งหมดจะต้องถูก assign ลงใน favorite bank เดียวกันด้วย ซึ่งจะทำให้ favorite นั้นเต็มเร็วมากๆ
ตรงนี้ผมค่อนข้างจะหงุดหงิดเลย ไม่ใช่เพราะมันทำไม่ได้นะครับ แต่เพราะผมรู้ว่า ****จริงๆแล้วมันทำได้ ด้วย ngine ของมัน*****
แต่มันดันกั้กโดนการไม่ออก Synthesizer Editor ของ GW-8 มาให้....
อารมณ์ดียวกับว่า ผมซื้อรถมาคันนึง รู้ว่ารถคันนี้มันวิ่งได้ 350กม/ชม แต่ดันมาล็อคความเร็วที่ 250... เสียอารมณ์ครับ
ตอนนี้ผมกำลังหาทางทำให้ synthesizer ditor ของ sonic cell หรือ juno-di work กับ gw-8 ได้อยู่
น่าเสียดายที่ผมไม่มีความรู้ด้าน programming เท่าที่ควร ไม่งั้นผมเชื่อเหลือเกินว่าทำได้แน่ๆ
ด้วย h/w ที่เกือบจะเหมือนกัน (โดยเฉพาะใน SC กับ GW-8) มันควรจะ.. ไม่สิ มันจะต้องทำได้แน่ๆครับ
ซึ่งถ้าทำได้ GW-8 จะน่าใช้ขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวแน่ๆ
หากธีระได้มีโอกาสเห็นโพสต์นี้ของผมอยากให้ช่วยทีครับ...
ผมรู้ว่า Roland เป็นบริษัทที่แคร์ลูกค้า รับฟังลูกค้ามากๆ เห็นได้ชัดจาก GW-8 Version 1 ออกมา แล้วโดนด่าเรื่อง
1. ไม่มี style ditor ในตัว
2. ไม่สามารถ assign MFX ไปในแต่ละ track ใน song ได้
หลังจากนั้นไม่นาน Roland ออกมากับ GW-8 Version 2 ที่ทำทุกอย่างตามที่ข้างบนบอกได้
ทำให้ GW-8 น่าใช้ขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆ ที่สำคัญกว่าฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นมา คือจิตใจของลูกค้าครับ
ว่า Roland เป็นบริษัทที่รับฟังลูกค้าจริงๆ ฉะนั้น จึงอยากขอความกรุณา ทำ synthesizer ditor ให้ gw-8 นะครับ
ผมเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นเหตุผลทางด้านการตลาดว่าจะเกิดการ cannibalize กัน (กินกันเอง)... แต่ผมกลับคิดอย่างนี้นะครับ
1. Juno-Di
ด้วย Price Point ที่ต่างกัน ไม่น่ากระทบอะไรกับรุ่นเล็กเท่าไหร่อยู่แล้วครับ
2. Juno-G
แน่นอนว่าด้วย Rom ของ GW8 ที่มากกว่า Juno-G อยู่ 4 เท่า จากเสียงของ SC + World
หากเพิ่ม Synthesizer Editor GW-8 จะน่าใช้กว่า Juno-G มากๆๆๆ แต่ก็อย่าลืมว่า Juno-G มี Audio-Recorder
และจอที่ใหญ่กว่า Edit บนตัวเครื่องได้มากกว่า GW-8 อยู่แล้ว มี Sequencer ที่ดีกว่า
ฉะนั้นถึงเสียง GW-8 จะดีกว่า แถมมี Arranger แต่ในด้านการทำเพลง Juno-G ก็เหมาะสมครับ
-----------------------------------------------------
ยัง ไม่จบ 555 มันมีสิ่งที่กวนใจผมเล็กๆน้อยๆเหมือนกันครับ ไหนๆก็ review แบบเจาะลึก ถึงใส้ ถึงพุงแล้ว มันก็ต้องเอาให้ครบ จริงมั้ยครับ
จุดเล็กๆน้อยๆที่สามารถปรับปรุงได้
1. ใน SC มันมี Function Patch Remain แต่ใน GW-8 หายไปไหนไม่รู้??????.... ตรงนี้ไม่ได้ซีเรียสมากเท่า ditor ครับ แต่ถ้ามี ก็จะดีมากถึงมากที่สุด
2. ทีแรกผมดีใจที่มีปุ่ม Piano Mode นะครับ วิธีเข้า Piano mode ก็คือกด Split กับ Dual ไว้พร้อมกัน
แต่ปุ่มนี้จริงๆแล้วมันไม่เวิร์คเลยครับ ด้วยเหตุผลที่ว่า มันแค่เอา split กับ dual ออก ในกรณีที่อยู่ใน mode perform
แต่มันไม่ได้เอา setting อื่นๆออกไป เช่น octave สมมุติ perform อันก่อนที่คุณใช้ตั้ง octave +2 ไว้
พอเข้า piano mode มันก็ยังจะเป็น octave +2 อยู่ ซึ่งตรงนี้มันไม่ practical ครับ
3. D Beam (Assignable 1+2) มีประโยชน์มากครับ แต่จะมีประโยชน์มากขึ้นหากมัน assign ค่าได้มากกว่านะ
เช่น assign ให้เคลียค่าใน perform assign ให้ Assign ให้เปลี่ยนเข้า mode arranger (ปุ่ม style, auto fill-in, sync start ขึ้น พร้อมใช้งาน style)
assign ค่าให้เป็น perform up หรือ perform down หรือ assign ให้เปลี่ยน mode จาก tone เป็น perform หรือ assign
ให้เปลี่ยนจาก perform preset เป็น perform user ตรงนี้อยากให้รวมถึง assignable pedal ด้วยนะครับ
ให้มันสั่งค่าพวกนี้ได้ด้วย (ไอ้ที่บอกมา perform up กับ down มันทำได้ แต่อื่นๆทำไม่ได้ครับ)
4. การเปลี่ยนจาก perform preset ไป user ต้องใช้หลายปุ่มไปหน่อยครับ
และส่วนตัวผมเนี่ยผมไม่เคยใช้ perform preset เลย น่าจะ set ค่า default เป็น perform user ได้ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาครับ
5. Transpose ผมอะไม่ชอบจริงๆไอ้ระบบ C C# D D# อะไรงี้ ผมชอบแบบตัวเลขมากกว่าเยอะเลย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวงจริงก็คือ เฮ้ย ลบสอง ลบสามนะ
ไอ้นี่ต้องมานั่งบวกเลขต่อ ว่า ไอ้ -3 นี่ ต้องหมุนไป A จาก C ซึ่งจริงๆเพลงที่เล่นอยู่อาจจะเป็นคีย์ E ลบ 3 ซึ่งก็จะเป็น C# ก็ได้
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมไม่ transpose เป็นระบบตัวเลขปกติครับ
6. เวลา playback midi ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใช้ part view ไม่ได้ แล้ว mute หรือ solo เป็น track ไป
เหมือนกับเวลาอยู่ mode style แต่ต้องไปปิด track midi ที่ไอ้ตรง center cancel เอา ซึ่งมันไม่ค่อยสะดวกซักเท่าไหร่ครับ
7. อันนี้ Yamaha เค้าทำได้ แต่ Roland ทำไม่ได้คือ ทำไม midi mp3 aiff wav ที่จะมาเล่นให้เครื่องนี้ จะอยู่ใน folder ไม่ได้
ทำไมต้องอยู่ใน root แล้วใช้ playlist ditor จัดการเอา ถ้าเป็น yamaha เราสามารถจะเลือก folder ได้เลย
แถม handy drive ที่จะมาใช้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง format โดยเครื่องมันเอง คือเอา handy drive จากคอมมาใช้ได้เลย
ไม่เหมือน Roland ที่ต้องเอา handy drive ไป format ในเครื่องมันก่อน ถึงจะใช้ได้
8. บาง styles น่าจะแก้ให้ balance ขึ้นนิดนึงครับในเรื่องของระดับเสียงดนตรี มีจังหวะนึง
ผมจำได้ว่าเป็น rock ถัดจากจังหวะเบอร์ 1 ที่ชื่อ straight rock คือที่ main 4 เนี่ย กีต้าร์มันดังจนน่ารำคาญมากๆๆๆๆๆๆๆ รำคาญจนเรียกว่าใช้ไม่ได้เลย
และพอลด volume ในส่วนของ backing ลง ไอ้กีต้าร์เสียงนั้นมันก็ดันไม่ลดลงตามเสี่ยงอื่นด้วย
เรียกได้ว่ากวนมากๆ เครื่องนี้มันมีบาง styles ที่มี bug อยู่ครับ ถ้าแก้ได้จะดีมากๆ
เกือบลืมไป อันนี้สำคัญมาก!!
9. GW-8 มัน Split กับ Dual พร้อมกันไม่ได้ คือใน perform มันให้ upper tone เป็นเสียง dual แล้ว lower tone เป็นเสียง dual
พูดง่ายๆก็คือ เอา perform มา dual หรือ split กับ perform ไม่ได้นั่นหนะแหละครับ
จะเห็นว่าทั้งหมด เป็นเรื่องของ software ไม่มีฮาร์ดแวร์เลยครับ ถ้าแก้ได้ตรงนี้จะ perfect เลย
------------------------------------------------------------
สรุป (สำหรับคนที่ไม่อยากอ่าน review มหากาพย์โดตรยาวอันนี้ครับ) เปรียบเทียบกับ Arranger ของ "คู่แข่ง" อีกตัวที่ผมใช้อยู่ประจำ (ใบ้ให้ก็ได้ว่าเป็น PSR-S910 อิอิ)
Build Quality: 8/10
งานภายนอกดูดีครับ งานประกอบและวัสดุดูคุ้มค่ากับราคา ตัวจริงดูสวยกว่าในรูป คีย์เป็นแบบ Juno-G control ง่าย ไม่นุ่มๆ นิ่มๆ เหมือน action ของพวก PSR,X50
แต่มันก็ไม่ได้รู้สึก solid เหมือนคีย์ Fantom G, M3, XS (ก็แน่ล่ะสิ สำหรับราคาที่ถูกกว่าพวกนั้นมากกว่าครึ่ง)
Sound Quality: 10/10
เสียงไม่รู้จะติอะไรจริงๆครับ ยิ่งหากพิจารณากับราคา 32,000 บาท เสียงไม่มีอะไรที่ด้อยกว่า Fantom X เลย
จะดีกว่าด้วยซ้ำไปเนื่องจากเป็นชุดเสียงของ Sonic Cell + การ์ด SRX09 - World (แบบไม่ลดทอน D/A Converter)
หากเทียบกับ arranger ของคุ่แข่งแล้ว พูดตามตรงว่าเรื่องเสียงโดยรวมนี่ดีกว่ามากเลยครับ
และผมไม่ได้หมายถึง Arranger ของคู่แข่งที่ราคาใกล้เคียงกัน แต่ผมกำลังหมายถึง Arranger ของคู่แข่งที่ราคามากกว่านี้เกือบสองเท่า
Features: 9/10
อาจจะเห็นผมติมาก็ไม่น้อย แต่ทำไมคะแนน features ผมให้ 9/10 เหตุผลก็คือ เพราะจากราคา 32,000 งัยครับ
ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ผมติไป อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ควรคาดหวังจาก keyboard ราคาเท่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
จะว่าไปแล้วสิ่งที่ GW-8 ให้นั้น ทั้งเสียงระดับท๊อป จังหวะที่ไม่ห่างกับคู่แข่งในรุ่นท๊อปเท่าไหร่เลย
(แล้วแต่คนชอบครับตรงนี้) mp3, midi player ความเป็น synth รวมถึง features ของการเล่นสด ต่างๆนาๆ ทำให้ features ที่ให้มานั้น มันสมควรได้ 10 เต็มด้วยซ้ำไป
แต่ที่ผมยังกั้กไว้คะแนนนึงก็เพราะ ผมยังรู้สึกว่า features ในส่วนที่เป็น Arranger อย่างเดียว มันยังสู้คู่แข่ง(ที่ราคาสูงกว่าเกือบสองเท่า)
เช่นความสามารถในการเล่นเป็น one-man-band แถมยังมี internal speakers ด้วย ไม่ได้
In Use: Arranger: 7/10
จังหวะเท่หฺ์ มีชั้นเชิงกว่าคู่แข่ง แต่หลายๆครั้งยังขาดๆเกินๆอยู่ สำหรับ Styles ของคู่แข่งนั้น
ส่วนตัวแล้วผมว่าน่าใช้กว่ากับแนวเพลงที่ผมเล่น เนื่องจากมันลอกเค้ามาทั้งดุ้นเลย กดไปนี่รู้เลยว่า style นี้ทำมาเพื่ออะไร
สำหรับ GW-8 Styles จะ focus ที่เพลงใหม่ๆมากกว่าของคู่แข่ง มี groove ที่ซิ่งกว่า และมีอะไรมา surprise มากกว่า
(บางที เสียงอะไรก็ไม่รู้ มาได้งัยก็ไม่รู้ ปิดแทบไม่ทัน) ในภาค arranger จะใช้ยากกว่าคู่แข่งนิดหน่อยครับ
โดยเฉพาะการที่ดันเอาปุ่ม 1 2 3 4 ไปแชร์กันหมดระหว่าง intro main nding และไม่มีปุ่ม break เหมือนของคู่แข่ง
In Use: Synthesizer: 7/10
ถามว่า GW-8 ใช้เป็น "Synth ที่มี arranger แถมมา" ได้มั้ย? คำตอบคือ ได้ครับ แต่จะไม่สะดวกเหมือนใช้ synth ที่เป็น synth จริงๆ
ถึงแม้ GW-8 จะมีฟังก์ชั่นในการเล่นสดมาให้แต่ในความเป็นจริงแล้ว เนื่องจาก styles ของมัน
ทำให้บางทีมันต้องกดโน่นที นี่ที มากกว่าปกติ ในการจะทำอะไรซักอย่าง ซึ่งถ้าคุ้นเคยแล้วก็จะเอาตัวรอดในสถานการณ์สดได้ครับ
อย่างไรก็ตาม หากคุณฝึกจนคล่อง คุณจะได้ synth ดีๆตัวนึง ที่มีเสียงระดับท๊อปอยู่ทีเดียว
Value for Money: 10/10
โคตรจะคุ้ม เนื่องจากความเป็นลูกผสม synth + arranger + top-class sounds จริงๆ Roland จะตั้งราคาแพงกว่านี้ก็ได้นะครับ
โดยเฉพาะหากมีฟังก์ชั่นต่างๆตามที่ผมเขียนไป จริงๆแล้วนี่เป็นคีย์บอร์ดตัวแรกจริงๆ ที่ผมคิดว่ามันถูกไป มันถูกจนทำให้ผมคิดว่า
เมื่อประมาณสามสี่ปีมาแล้วเอง ผมซื้อ Fantom Xr มาในราคาห้าหมื่นกว่าบาท และ Fantom X8 มาแสนกว่าบาท
มานาทีนี้ จ่ายไป 32000 ได้คีย์บอร์ดที่เสียงดีกว่าไอ้สองตัวนั้นอีก แต่ก็อีกอ่ะครับ การเป็น keyboard ที่ดีมันไม่ได้วัดแค่เรื่องเสียง
ส่วนความสามารถด้าน Arranger ของมันนั้น ถ้าเทียบกับ PSR ผมว่ามันดีกว่า PSR-S550 อยู่หลายขุมเลย
เรียกว่าใกล้คียงกับ PSR-S710 ในราคาที่ถูกกว่า
แถมได้ sounds ระดับท๊อปๆมาอีก... คุ้มโคตรๆค