บางครั้งมันก็น่าน้อยใจอย่างที่ ท่านน้านพ พูดถึง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาผมเชื่อว่ามีข้อเขียนรวมทั้งคำตอบที่กลั่นมาจากประสบการณ์อันยาวนานจากหลายท่าน
เพียงแต่หยุดใช้ความคิดนิดหนึ่งก็สามารถนำไปต่อยอดได้
บนเส้นทางในเรื่องของเส้นเสียง ดนตรี และเพลง อันเป็นที่รักของพวกเรา และก่อนที่จะจ่ายเงินไม่ว่าจะมากจะน้อยเท่าไร
มันต้องตอบคำถามในเรื่อง what ? When ? Where ? Why ? และ How ? ให้ได้ก่อน จะได้ไม่บานปลายภายหลัง
ซึ่งผมก็เชื่อว่าตอนนี้ก็มีบางท่านที่กำลังวนอยู่ในวงกต ขณะเดียวกันความรู้พื้นฐานก็ควรต้องเสาะแสวงหา เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น
ความรู้พวกนี้ในกูเกิ้ลมีมากมายถ้าค้นด้วยตัวเองจะเพิ่มพูนในสิ่งที่อยากรู้มากขึ้นมันจะให้ประโยชน์ทั้งตรงและอ้อมอย่างคาดไม่ถึงครับ
ยกตัวอย่างในเรื่องของซาวด์การ์ด ถ้ารู้ถึงหน้าที่แต่ละภาคส่วนของการทำงานบ้าง ก็จะเข้าใจว่า
ณ ภาคสุดท้ายมันจะต้องผ่านการแปลงสัญญาณดิจิตัลให้เป็นอะนาล็อก( DAC) ในราคาที่ใกล้เคียงกัน
มันใช้ชิพที่มีหน้าที่ในการคอนเวิร์ตไม่ห่างกันหรอก จะไปต่างบ้างนิดหน่อยที่อ๊อพแอมป์ที่เป็นภาคขยายเบื้องต้น
เพื่อทำหน้าที่ขยายส่งไปยังปรี หรือมิกซ์ แล้วส่งต่อไปยังแอมป์ และสุดท้ายที่ลำโพง
และทั้งหมดนี้ผมได้มาจากการอ่านในกูเกิ้ล และจ่ายเงินซื้อมาทดลองบ้าง บอกตามตรงว่า SB 0060 หรือ SB 0100 ราคาไม่เกิน 600 บาท
กับ SB 46XX ราคา 2000 อะไรนั่นเอามาเล่น Xtreme แล้วเสียงมันห่างกันมากมาย ผมฟังไม่ออกแฮะ เล่นกับ VSC ซึ่งมารตฐานเชื่อถือได้
เสียงมันจะต่างกันแบบเห็นหน้าเห็นหลัง ก็ต้องขึ้นไปใกล้ระดับหมื่นกลางๆ โน่น เช่น EMU 1212 M หรือ EMU 0404 External ซึ่ง DAC น่าจะตัวเดียวกับ DAC 707 อะไรนั่นครับ
และทุกตัวอักษร ทุกประโยค ที่ผมเขียน สามารถโต้แย้งได้ครับเพราะผมรู้และเข้าใจดีว่า ในเรื่องของเส้นเสียงแล้ว มันไม่มีกฎตายตัว
และที่สุดของที่สุด อยากให้หา แผ่น SHEFFIELD LAB Lab 13 มาฟังเสียงของ
คุณ AMADA McBROOM ฟังจากออนบอร์ดนั่นแหละ แล้วจะเข้าใจว่า ในโลกของเสียงเพลงระดับ Masterpiece หรืองานชิ้นโบว์แดงนั้น
เขาเริ่มต้นจากการเสาะแสวงหานักร้องให้ได้ตามต้องการก่อน ค่อยจ้างนักแต่งเพลงชั้นครูมาแต่งเพลงให้เข้ากับบุคลิกเสียงของเธอ
จากนั้นหาคนที่จะมาไปรดิวเสียงดนตรีมาทำงาน ใช้วิศวกรทางเสียงที่เก่งมากมาออกแบบและใช้เทคโนโลยี่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดค้นได้ในการบันทึกเสียง
ความเป็นอมตะจึงอยู่นานมาจนทุกวันนี้ครับ