ASUS Xonar HDAV1.3 Series ซาวน์ดการ์ดตัวแรกของโลก ที่ใช้พลังเสียง Dolby TrueHD Bit-Stream รองรับระบบ Blu-Ray
บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เขย่าวงการซาวด์การ์ดด้วยการแนะนำ อัสซุส Xonar HDAV1.3 ซีรี่ย์ ซาวน์การ์ดตัวแรกของโลก ที่รองรับการใช้งานด้านเสียงแบบ Dolby TrueHD audio Bit-stream บนพีซีแพลตฟอร์ม

ASUS Xonar HDAV1.3 สามารถแสดงพลังเสียงจากสื่อมัลติมีเดีย Blue-Ray ได้อย่างคมชัดไร้เสียงรบกวน โดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ลดลง อีกทั้งรองรับการเชื่อมต่อกับวิดีโอกราฟิกการ์ดที่มีจำหน่ายทั่วไปในตลาดอีกด้วย จึงยิ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลทั้งภาพและเสียงได้โดยผ่านทางสาย HDMI เพียงเส้นเดียว พบกับ อัสซุส ซาวด์การ์ด Xonar HDAV1.3 Series โซลูชั่นแรกของโลก ได้แล้ววันนี้ สอบถามราคาได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ASUS Xonar HDAV1.3 Deluxe








ซาวน์การ์ดในตระกูล Xonar ในตอนนี้ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวกับค่ายเก่าแก่ที่มีการ์ดเสียงอยู่คู่วงการพีซีมาอย่างยาวนานอย่าง Creative ไม่น้อย เพราะมีการปล่อยทั้งรุ่นเล็ก รุ่นกลาง จนถึงรุ่นใหญ่สุดตามมาเป็นระลอกให้ผู้ใช้ได้เลือกซื้อตามกำลังทรัพย์ ซึ่งในรุ่นที่ส่งมาทดสอบในครั้งนี้ต้องถือได้ว่าเป็นรุ่นใหญุ่สุด อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีด้านเสียงอย่างครบถ้วนเลยทีเดียว
ASUS Xonar HDAV1.3 Deluxe น่าจะจัดเป็นการ์ดเสียงในตระกูล Xonar รุ่นใหญ่สุดของ ASUS ที่ออกมาในขณะนี้ โดยจะเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจากในรุ่น D2X ที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่มีการเพิ่มความสามารถในการต่อออกจอภาพได้ด้วย ซึ่งชื่อรุ่นที่ต่อท้ายมาอย่าง HDAV1.3 ก็มาจากการที่การ์ดรุ่นนี้รองรับพอร์ตดิจิตอลที่ให้คุณภาพภาพและเสียงในระดับสูงอย่าง HDMI 1.3 Audio/Video มาด้วยนั่นเอง
โดยสามารถรองรับเทคโนโลยีด้านเสียงในแบบ DTS-HD ไปจนถึง Dolby True HD ซึ่งเป็นมาตรฐานเสียงที่จะใช้ในภาพยนตร์ Full HD ที่เป็นแบบ Blu-ray นั่นเอง ทำให้พลังเสียงที่ออกมานั้นมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักชมภาพยนตร์มืออาชีพที่ต้องการความสุดยอดในการฟังเสียงที่ให้มิติสมจริงกว่าระดับเสียงปรกติทั่วๆ ไป
นอกจากนี้ยังรองรับเสียง Dolby ในรูปแบบต่างๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Dolby Virtual Speaker แปลงระบบเสียงเสตอริโอที่เป็นแบบ 2 ลำโพง ให้เป็น ระบบเสียงรอบทิศทางเสมือนจริงแบบ 5.1 แชนแนลช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับเสียงได้ดีมากยิ่งขึ้น Dolby Headphone เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ที่ชื่นชอบการใช้หูฟังในการฟังเพลง ดูหนัง ในระบบเสียง 5.1แชนแนล ให้ออกมาได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น Dolby Digital Live แปลงระบบเสียงในแบบอนาล็อกออดิโอให้เป็น Dolby Digital (AC3) 5.1แชนแนลผ่านทางช่องสัญญาณเสียงแบบ S/PDIF และ Dolby Prologic IIx เทคโนโลยีที่ช่วยในการขยายสัญณาณเสียงที่เป็นแบบ 5.1 แชนแนล ให้กลายเป็นระบบเสียงแบบ 6.1 หรือ 7.1 แชนแนล โดยคุณภาพเสียงยังคงอยู่เช่นเดิม
ชิปเซ็ตที่ใช้จะเป็น ASUS AV200 ที่ให้คุณภาพเสียงในระดับ 24 bit/192kHz ไม่แตกต่างจากการ์ด X-Fi ของ Creative แต่อย่างใด ในส่วนที่ใช้ในการแสดงผลภาพนั้นก็จะใช้เป็น ASUS Splendid HD Video Processor ซึ่งสามารถรองรับการแสดงภาพได้สูงสุดถึง 1080P พร้อมกันนี้ยังช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพรวมไปถึงการเพิ่มความสดของสีให้สวยงามมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ส่วนถ้าเป็นฉากที่มืดๆ ก็ยังช่วยให้สามารถมองเห็นรายละเอียดของภาพได้ดีมากกว่าเดิม ซึ่งรองรับโหมดการแสดงภาพได้ 3 รูปแบบทั้ง Photo, Video และ Gaming ซึ่งในโหมดหลังสุดจำเป็นต้องใช้ควบคู่กับกราฟิกการ์ดจาก ASUS เท่านั้น
ส่วน Signal-to-Noise Ratio (SNR) หรืออัตราส่วนระหว่างสัญญาณเสียงกับ noise ก็จะอยู่ที่ระดับ 120dB สำหรับ Output และ 118dB สำหรับ Input ซึ่งถ้าไปเทียบกับพวกซาวน์ออนบอร์ดแล้วมักจะอยู่แค่เพียง 85dB ซะเป็นส่วนใหญ่แล้วจะเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ซึ่งค่าตรงจุดนี้ยิ่งการ์ดเสียงตัวไหนมีมากก็จะยิ่งดี รองรับเทคโนโลยี DS3D GX 2.0 เอาใจนักเล่นเกมโดยเฉพาะที่มักจะมีปัญหากับการเล่นเกมบน Windows Vista ซึ่งเสียงบางอย่างอาจจะขาดหายไป แต่ด้วยเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การแปลงสัญญาณเสียงจากทั้ง DirectSound3D และ EAX มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับกับระบบเสียงในแบบ EAX HD 5.0 ได้อีกด้วย ทำให้การเล่นเกมใหม่ๆ ที่ใช้เสียงในรูปแบบนี้สามารถแสงดพลังเสียงได้อย่างสมจริงไม่แพ้การ์ดเสียงสำหรับการเล่นเกมรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเล่นผ่าน XP หรือ Vista ก็ตาม
ตัวการ์ดจะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือในส่วนที่เป็นการ์ดหลักก็จะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับในรุ่น Xonar D2X โดยจะเป็นตัวการ์ดและปิดครอบด้วยอลูมีเนียมสีดำด้านนอกอีกชั้นนึง ซึ่งจะเป็นการ์ดในแบบ PCIEx1 มีพอร์ต AUX-In และ Front Panel ด้านบนพร้อมกับช่องต่อไฟเพิ่มและช่องสำหรับต่อสายแพด้านข้างเพื่อต่อไปยังการ์ดอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเหตุผลที่จำเป็นต้องแบ่งแยกการ์ดออกเป็นสองชุดก็เป็นเพราะในส่วนของพอร์ตด้านหลังของการ์ดหลักนั้นจะมีช่องสำหรับเสียบสาย HDMI In และ Out เพิ่มเข้ามาด้วยนั่นเอง พร้อมกับมีช่องเสียบเสียงสเตริโออนาล็อก RCA Output พร้อมด้วยช่อง Coaxial/TOSLINK ส่วนช่องสุดท้ายก็จะเป็น MIC In/Line In/SPDIF In ทำให้พื้นที่แทบจะไม่เหลือสำหรับการวางพอร์ตอื่นๆ แล้ว
ส่วนการ์ดตัวที่สองนั้นก็จะมีขนาดครึ่งหนึ่งของการ์ดหลักและเสียบผ่านทางสล็อต PCIE x1 แต่เป็นการเสียบไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำงานผ่านทางสล็อตนี้เนื่องจากจะเป็นการทำงานด้วยการเชื่อมต่อผ่านบริจคอนเนกเตอร์ด้วยสายแพเข้ากับการ์ดตัวหลักแทน โดยจะมีพอร์ตสัญญาณเสียงที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการต่อกับลำโพงรอบทิศทางในแบบ 6 Channel โดยจะเป็นหัว RCA ทั้งหมดทั้ง 6 หัว ดังนั้นลำโพงที่จะมาใช้นั้นก็คงต้องเป็นหัวต่อแบบ RCA ด้วยเช่นกันถึงจะสามารถใช้งานกับการ์ดรุ่นนี้ได้