หัวข้อ: การเซ็ต dip switch หลังเพาเวอร์แอมป์ และการคำนวน / VPL : VOLTAGE PEAK LIMITER/ SETTING DB GAIN ว่าควรปรับอย่างไรให้เหมาะสมกับระบบของเรา

[เหน่ง หนองมน]

สำหรับท่านที่รู้แล้วก็ขอผ่านนะครับ อาจจะเป็นความรู้เก่าที่สมาชิกหลายๆท่านรู้อยู่แล้ว
   พอดีไปเปิดเจอใน facebook อาจารย์ท่านคำนวนให้ในกลุ่มเพื่อนๆและลูกค้า ในแบนร์น Neo ดูว่าการที่เราจะเลือกใช้เพาเวอร์แอมป์ให้เหมาะกับลำโพงที่เราใช้อยู่นั้น เหมาะสมหรือไม่อย่างไร เพราะมีเพาเวอร์บางยี่ห้อ ทำ drip switch เพิ่มขึ้นมาหลาย ๆ โหมด ให้เราเลือกใช้งาน บางรุ่นอาจจะมีแค่ ster/paralel/bridge บางรุ่นอาจจะมีมากกว่า ลดหลั่นตามราคา
อย่างในรูปที่อาจารย์ท่านคำนวนมา ท่านสมาชิกก็คงจะพอมองออกหรือจะลองคำนวนตามสูตรดูแล้วเซ็ต ที่เพาเวอร์เราดู ได้ผลอย่างไรลองมาแชร์ความรู้กันนะครับ หรือสูตรอาจจะคลาดเคลื่อน ไม่ตรงอย่างไรผมก็ขออภัยด้วยครับ
   
 *** ก่อนทำการปรับควรปิดเพาเวอร์ก่อนนะครับ

ขอบคุณภาพแอมป์    จากไพศาล อิเลคทรอนิค
สูตรการคำนวนจาก อาจารย์ ณัณท์ คงอยู่ Neo Brand ชลบุรี

[MP]

 

ของผมไม่มี

[เหน่ง หนองมน]

ของผมไม่มี

เพราะของพี่เป็นซอพแวร์ใช่ป่าวครับ อิอิ

[samran]

ขอบคุณมากครับ

 
 

[MP]

เพราะของพี่เป็นซอพแวร์ใช่ป่าวครับ อิอิ

ต่อโหลด 8 / 4 / 2 มันจัดการของมันเองครับ เราไม่ต้องยุ่ง

[สุระชาติ]

ขอบคุณครับ

[อ๊อด สระบุรี]

        

[หมอแม็ค]

การแทนค่ายังไม่ถูกต้องนะครับ
VPL ต้องใช้ Peak power ของดอกลำโพงในการคำนวณครับยกตัวอย่าง
ดอกลำโพง 1250W continues(RMS)ค่า peak power จะเป็น 4 เท่า คือ 1250x4=5000W
คำนวณเป็นค่า Maximum Voltage ที่ลำโพงจะรับได้เป็น √(5000*8)=200V ครับ
ถ้าเราต่อขนานอย่าลืมหลักการที่ว่า วงจรขนาน V คร่อม load จะเท่ากัน ดังนั้นไม่ว่าเราจะต่อขนานกันจนเหลือ 4 หรือ 2Ω แรงดันที่คร่อม load จะเท่ากับ 200Vเท่าเดิม
แต่ในความเป็นจริงแล้วยิ่งเราต่อขนาน power amp จะไม่สามารถจ่ายกระแสให้เราได้เพียงพอ เราจะเห็น spec ของกำลังต่อload ของ power amp ลดลงเมื่อต่อ load ต่ำลง เช่น
1000W @8Ω (90Vrms)
1600W @4Ω (80Vrms)
จะเห็นได้ว่า ยิ่งเราต่อ load ขนาน เพิ่มขึ้น power amp จะมีแรงดันไฟฟ้าลดลงทำให้ กำลัง/load ลดลง
ดังนั้นเวลาที่เราคำนวณ Limiter เราจะคิดจากลำโพงแค่ดอกเดียวคือ 8Ω


Sent from my iPhone using Tapatalk

[หมอแม็ค]

ส่วนค่า dB Gain หรือ Fixed Gain มันคือตัวกำหนดอัตราขยายของ power amp
ความหมายของการตั้ง gain แบบนี้คือสมมติถ้าเรา ไว้ที่ 38dB (ปุ่ม Volume หน้าเครื่องต้องเร่งสุด)
สัญญาณ input 0dBu ที่ output จะขยายเป็น 38dBu
สัญญาณ input 0dBV จะขยายเป็น 38dBV
สัญญาณ input 0dBVU(+4dBu) จะขยายเป็น 38dBVU
ดังนั้นจะเห็นว่า ไม่ว่าจะใช้ dB scale แบบใดเทียบpower amp ก็จะมีอัตราส่วนในการขยายสัญญาณเท่าเดิมคือ 38dB
และเมื่อเราเพิ่มสัญญาณ input ขึ้น 5dB power ก็จะขยายเป็น 43dB(38+5)
หรือลดสัญญาณลงเป็น -6dBu power จะขยายเป็น 32dBu(-6+38)
ดังนั้นการกำหนดอัตราขยายแบบนี้จึงเรียกว่า Fixed gain คือ มีอัตราขยายคงที่ตามที่เราตั้งไว้



Sent from my iPhone using Tapatalk

[sunyabun]

ขอบคุณครับ

[หมอแม็ค]

ในส่วนการคำนวณเพื่อตั้งค่า Gain นั้น ประเด็นในการพิจารณาคือการจัดการ Gain ของทั้งระบบให้เหมาะสม ซึ่งเราเรียกว่า Optimizing Gain Structure คือตั้งแต่ Mixer »DSP »Power Amp »ลำโพง
วัตถุประสงค์ของการจัดการคือ
1) เราสามารถที่จะ monitor ระดับสัญญาณของทั้งระบบด้วย Main Meter ที่ Mixer ได้
2) สามารถควบคุมระดับสัญญาณในแต่ละ channel ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
3) ลด Noise ในระบบ
4) ป้องกัน Distortion จากการ monitor clip ที่ main meter ได้

ต่อไปนี้ขอให้ท่านจงลืมคำว่า “ต้อง mix ให้ได้ไม่เกิน 0 dB” ไป เพื่อที่จะพัฒนาความรู้ในการจัดการระดับสัญญาณของทั้งระบบ

Mixer ของเรา มีระดับสัญญาณที่เหมาะสมเพื่อที่จะใช้เป็นระดับอ้างอิงคือ 0dBVU หรือ 4dBu และ ยังมี Headroom อีก 20dB ให้ระดับสัญญาณที่เป็น peak level แกว่งขึ้นลง รวมแล้วเป็น 24dBu

Power Amp rating 950W @8Ω กำลังขยายสูงสุดจะเป็น 41dBu(RMS) และ+อีก 3dBจาก creast factor ของ sine wave rating เป็น 44dBu(peak power) จากสูตร Vout= √ (P*Z) และ dB=20log(Vout/Vin)
ถ้าเราตั้ง gain ไว้ 33dB จะมี Headroom 41-33=8dBu(RMS) 11dBu(peak)

ถ้าลำโพง 300W continues ค่า peak power จะเป็น 1200W คิดเป็น 42dBu (98Vpeak)

ดังนั้นเมื่อเราตั้ง gain ที่ power เป็น 33dB ระบบของเราก็จะเหลือ Headroom 11dBu ซึงในที่นี่ก็ยังไม่ถึง VPL ของดอก 300W




Sent from my iPhone using Tapatalk

[หมอแม็ค]

แล้วค่า Gain ที่เหมาะสมจะต้องเซทไว้กี่dB
จากหลักที่ว่า 0 dB คือระดับความดัง(dBSPL)ที่เหมาะสมกับการฟัง

ระยะทางที่เหมาะสมและระดับความดังที่เหมาะสมจะเป็นตัวกำหนดค่า Gain ของ power amp

โดยจากความสัมพันธ์
dBSPL = sensitivity ของลำโพง+ 10log(power)-20log(distance)
ถ้าเราต้องการระดับความดัง 90dBSPL ที่ระยะทางห่างออกไป 40เมตร โดยที่ sensitivity ลำโพงมีค่า 99dB/1W/1m

ถ้าเราเปลี่ยน 10log (Power ratio) เป็น Voltage ratio จะได้ 20log (Voltage ratio) จะได้สูตรใหม่เป็น
dBSPL=sens+20logV/V0 - 20logD/1
สังเกตว่าเมื่อ ค่า log V ratio กับ log D ratio จะเป็นอัตราส่วนเดียวกัน
ดังนั้น ที่ระยะห่างออกไป 40เท่าเทียบ1เมตร ซึ่งก็คือ 40เมตร ถ้าเราเพิ่มอัตราขยายเป็น 40เท่า ระดับความดังที่ระยะ 40เท่า ก็จะดังเท่ากับระยะ 1เมตร คือ เท่ากับ ค่า Sensitivity ของลำโพงคือ 99dBSPL นั่นเอง
ซึ่งค่า 20log40 ก็คือ 32dB
ดังนั้น ถ้าเราเซท Gain เป็น 32dB ที่ระยะทาง 40เมตร เราจะได้ยินระดับความดังเท่ากับค่า sensitivity ของลำโพงคือ 99dBSPL

แต่อย่าลืมว่าที่1เมตร เราจะต้องให้ กำลังกับลำโพงเข้าไป 1W ซึ่ง1W=2.83V@8Ω คิดเป็น 9dBV
 
ดังนั้นถ้าระดับสัญญาณของเราเป็น 0dBV ที่1เมตร ลำโพงจะดัง 90dBSPL(99-9dBV)

สรุปแล้วเมื่อเรา match gain ที่ mixer ไว้ 0dBV และตั้งค่า gain power ไว้ให้เท่ากับค่า distance ratio เราจะได้ยินความดังที่ระยะนั้น = sensitivity-9dBV




Sent from my iPhone using Tapatalk

[อนันตชัย ระยอง]

ขอบคุณทั้ง 2 ท่านครับ