eXtreme Community
เครื่องเสียง / ภาพ => Sound Interface,Sound Modules,SoundFont,VSTi => ข้อความที่เริ่มโดย: spm150 ที่ วันที่ 13 มีนาคม 2011, 09:19:15 น.
-
สมาชิกท่านใดเคยใช้ Sound Card Creative บ้างครับ แสดงความคติดเห็นหน่อยว่า เสียงตัวนี้เป็นยังไงบ้างครับ เพราะจะตัดสินใจซื้อครับ ถ้าท่านใดมีข้อมูลเกี่ยวกับมือสอง สาม สี่ ก็แนะนำต่อหน่อยนะครับ (เพราะงบมีจำนวนจำกัดครับ)
-
สมาชิกท่านใดเคยใช้ Sound Card Creative บ้างครับ แสดงความคติดเห็นหน่อยว่าตัวนี้เป็นไงบ้างครับ (เพราะงบมีจำนวนจำกัดครับ)
http://www.karaoke-soft.com/smf/index.php?topic=47626.0
-
จะซื้อ x-fi music ราคา 2000 คุ้มค่ากะราคาป่ะครับ
-
สมาชิกท่านใดเคยใช้ Sound Card Creative บ้างครับ แสดงความคติดเห็นหน่อยว่า เสียงตัวนี้เป็นยังไงบ้างครับ เพราะจะตัดสินใจซื้อครับ ถ้าท่านใดมีข้อมูลเกี่ยวกับมือสอง สาม สี่ ก็แนะนำต่อหน่อยนะครับ (เพราะงบมีจำนวนจำกัดครับ)
ถามกว้างเหลือเกิน ซาวด์ครีเอทีฟทั้งเก่าและใหม่มีหลายสิบรุ่น เอาแคบๆหน่อยครับว่ารุ่นใหน
แล้วที่ถามว่าใครเคยใช้บ้างเนี่ย มันแหม่งๆยังไงชอบกลเหมือนไม่เคยอ่านกระทู้ที่บรรดาสมาชิกหลายต่อหลายท่านอุตส่าห์เสียเวลาทำไว้เลย
น่าน้อยใจครับ :cry: :cry:
http://www.karaoke-soft.com/smf/index.php?board=4.0
-
http://www.karaoke-soft.com/smf/index.php?topic=47428
-
http://www.karaoke-soft.com/smf/index.php?topic=47428
เข้าข่ายถามซ้ำซาก ขนาดสมาชิกหลักๆหลายท่านมาตอบกระทู้ให้แล้วยังไม่กล้าตัดสินใจ
ตั้งกระทู้ถามซ้ำอีก เฮ้อ.........................ไม่เอาแล้ว นอนดีกว่า
-
ลองค่อย ๆ ไล่อ่านในกระทู้ต่างดูครับ แล้วถามตัวเองว่าต้องการแบบไหน แล้วค่อยหาซื้อครับ
ตั้งกระทู้แบบนี้........น่าเบื่อครับ :no_ok: :no_ok:
-
ต้องขอโทษ ท่านสมาชิกทุกท่านนะครับที่ทำให้ท่าน รำคาญ เสียอารมณ์ กับกระทู้ ที่ผมไม่ค่อยมีความรู้ เท่าไหร่ ไม่เป็นไหร่ครับผมจะพยายามอ่านเองก็แล้วกันครับ ผมเบี้ยน้อยครับ ถ้ามีเบี้ยมากผมก็คงไม่ลบกวนสมาชิกหรอกครับ ขอโทษด้วยนะครับทุกท่าน
-
ต้องการเอาไปทำอะไรครับ ทุกรุ่นก็ดีสมราคาครับ หรือจะซื้อต่อผมก็ได้ครับ 24 บิท 7.1
-
ไม่เป็นไรครับ ค่อย ๆ ศีกษาไปก่อน เมื่อเจอข้อสงสัยบางอย่างเช่น การ์ดรุ่นนี้ กับรุ่นนั้นมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อ แบบนั้นน่าถามและจะมีคนช่วยตอบครับ
ของดี ๆ และไม่แพง นาน ๆ จะหลุดมาครั้งหนึ่ง ต้องคอยเฝ้าดูครับไม่แน่ครับท่านอาจได้ของดีราคาถูกไปใช้ก็ได้
-
ต้องขอโทษ ท่านสมาชิกทุกท่านนะครับที่ทำให้ท่าน รำคาญ เสียอารมณ์ กับกระทู้ ที่ผมไม่ค่อยมีความรู้ เท่าไหร่ ไม่เป็นไหร่ครับผมจะพยายามอ่านเองก็แล้วกันครับ ผมเบี้ยน้อยครับ ถ้ามีเบี้ยมากผมก็คงไม่ลบกวนสมาชิกหรอกครับ ขอโทษด้วยนะครับทุกท่าน
ไม่เกี่ยวกับเรื่องมีเงินหรือไม่มีครับ แม้ว่าผมเองเคยมีใช้เกือบทุกตัวที่เอ่ยมาเพราะคิดว่ามันจะทำให้เสียงดีขึ้น
มาถึงทุกวันนี้ผมขายไปเกือบหมด หันมาใช้ออนบอร์ด เพราะผมพบแล้วว่าคุณภาพซาวด์ืการ์ดที่ดี ไม่ได้ทำให้โปรแกรม SF และการปรับแต่งห่วยๆขาดความเข้าใจจะทำให้เสียงดีได้
กว่าจะมาถึงวันนี้ สมาชิกหลายท่านพยายามเสาะหาความรู้ต่างๆที่มีอยู่มากมายมาอ่าน และทำความเข้าใจ เพราะไฝ่รู้ เนื่องจากไม่มีใครรู้ทุกอย่างมาจากท้องแม่ครับ
อยากให้ท่านพยายามเสาะหาด้วยตัวเองให้มากกว่านี้ เพราะสิ่งที่ท่านอยากรู้นี้ มีอยู่มากมายในเวปนี้แล้ว เพียงแต่ท่านไม่ค้นหาเท่านั้นเอง อย่าพึ่งน้อยใจครับ :thank1:
-
ดีนะที่ซื้อ Hardlock แล้ว.. ไม่งั้นจะบอกว่า "ซื้อ Hardlock" แล้วไปเล่นกับออนบอร์ด... ;D ;D ;D
-
แต่ว่าของผมออนบอรดพังฮ่า ลองเลยเอาซาวนด์การเเบบครีเอทีฟสมัน5-6 ปีที่เเล้วมาฟังมันเเพ้ออนบอร์ดแฮะเสียงรบกวนได้ยินเยอะมากตอนปรับวอลุ่ม อิอิ
-
ขอบคุณครับทุกท่านที่ชี้แนะ ออนบอร์ดผมใช้มานานแล้วครับ ตั้งแต่ซื้อเครื่องมาใหม่ๆ ผมจึงรู้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง ซาว์ดฟอร์นที่ผมใช้กับออนบอร์ด
ผมก็ซื้อจากเว็บเรานี้แหล่ะครับ ในราคาที่น่าฟังพอดู ออนบอร์ดของผมเป็น 7.1 ครับ ผมฟังมานานมาก ผมจึงรู้ว่าเสียงดนตรีมันไม่มีน้ำหนักของเสียงเท่าที่ควร
ซึ่งต่างจากใส่ซาว์ดการ์ดเข้าไป เสียงจะหนักแน่น แยกเป็นชิ้นๆได้เลย (ซื้อซาว์ดการ์ดมาใส่ให้เพื่อนเพราะเขามีกะตังค์เยอะแค่ สี่ - ห้าพันจิบๆ ของเขา
แต่เราใช้ได้เกือบเดือนเลยนะนั้น) เก็บตังค์ได้นิดหน่อยเลยอยากหามาใช้บ้างตามกำลังนะครับ ก็เลยจากจะขอความกรุณาจากสมาชิกทุกท่านที่มีประสบการณ์เยอะๆ ช่วยแนะนำในราคาแค่เนี๊ยะ ว่ารุ่นไหน ยี่ห้อไหน ที่พอใช้นะครับ เอาไว้ฟังเพลง ร้องคาราโอเกะบ้าง (ไม่เคยออกงานที่ได้กะตังค์หรอกครับส่วนมากงานวานไปช่วย) งั้นผมขอกระชับพื้นที่เลยละกันครับ x-fi music sb04xx (ไม่เกิน 3000 ที่พอจะซื้อได้ครับ) จะเลือกซื้อแบบไหนดี เพราะมีหลายแบบ หลายราคา x - fi music sb04xx เนี๊ยะ มันมีข้อดี ข้อเปรียบเทียบ แตกต่างกันยังไบ้างครับ หรือ ยี่ห้ออื่น รุ่นอื่นเจ๋งกว่าก็ว่ามาเลยครับ
-
ตามความชอบส่วนตัว Xternal 5.1 + Onbord 2 = 8 Ch. ถือว่าสุดๆ แล้วสำหรับตัวผมครับ (ลองมาเยอะ ซื้อมาเยอะและหมดเยอะไปหลาย K จนโกดังแทบไม่มีที่จะเก็บ)
-
ถ้าผมบอกว่า SB046x มันไม่ดีหล่ะ เชื่อผมไหม เพราะเรายึดติดกับ creative
มาตั้งแต่สมัยก่อน เพราะมันเริ่มคิดค้นการโหลด sf เข้าไปในการ์ดได้ เมื่อมี
การนำมาใช้กับคาราโอเกะยิ่งขายเว่อร์ๆ SB0100,SB0220 เป็นต้น เสียงสู้
sound on board เดี๋ยวนี้ไม่ได้หรอก เอา sound on board 7.1 มาแยกไลน์เสียง
ดีเสียกว่า ลองหา yamaha บ้านๆ ใส่ wave แปะมาฟังดูครับ
;D
-
ตามความชอบส่วนตัว Xternal 5.1 + Onbord 2 = 8 Ch. ถือว่าสุดๆ แล้วสำหรับตัวผมครับ (ลองมาเยอะ ซื้อมาเยอะและหมดเยอะไปหลาย K จนโกดังแทบไม่มีที่จะเก็บ)
-เช่นกันครับ.ออนบอร์ด.ติดมาเป็น Realtek เสียงใช้ได้ (ส่วนตัวว่ายังขาดความหนักแน่น) พวกออดิจี้ 7.1 ก็ออกแนวพอๆกับออนบอร์ด(เผลอๆ ขี้ร้ายกว่า) เอามาแยกไลน์ ต้องบูสท์จนสุดๆ ได้ X-FI 5.1 USB (จากป๋านึก.ฯ)มาตั้งนาน ก็เก็บไว้ใช้กับสมุดโน๊ต ก็ไม่ได้ใช้ เลยเอามาต่อกับ PC ดู แค่ 2 ไลน์ พอครับ..กับซาวด์คุณภาพ ไม่เรื่องมากเลยครับ..รู้งี้.เอามาต่อตั้งนานแล้ว.. ;D ;D ;D :hit: :hit: :hit:
ใช้ร้องร้อง ฟังเพลง หาความบันเทิงในบ้าน X-FI SB 1090 5.1 ผมว่าพอนะครับ. ;D
[flash=200,50]http://www.4shared.com/embed/545388830/1e6ed7f9[/flash]
-
ตามความชอบส่วนตัว Xternal 5.1 + Onbord 2 = 8 Ch. ถือว่าสุดๆ แล้วสำหรับตัวผมครับ (ลองมาเยอะ ซื้อมาเยอะและหมดเยอะไปหลาย K จนโกดังแทบไม่มีที่จะเก็บ)
เห็นสมควรเอามาเลหลังได้แล้ว หรือทำเป็นโปรโมชันเพลง EMK ก็ได้แบบ ซื้อเพลง ยกกรุ แถมซาวด์การ์ด 1 ตัว อะไรประมาณนี้ เรตติ้งคงสูงน่าดูเนาะ
-
เอ............... หรือผมฟังออนบอร์ดมานานเกินจนชินหู เห็นท่านสมาชิกเชียร์ออนบอร์ดกันจัง
-
ขอตอบตามที่เคยเล่นมา
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า เรื่องของเสียง ต้องดูทั้งระบบครับ
ตั้งแต่ ต้นทาง สมมุติ ซาวด์การ์ด จนถึงปลายทางคือ ลำโพง
ต้องการคำตอบที่ชัดเจนเป็นเรื่องเป็นราว สมควรแจ้งชุดที่ใช้งานด้วยครับ
เพราะผมเชื่อว่า ซาวด์การ์ดที่ราคาไม่เกินหมื่นนั้น ให้เสียงไม่ต่างกันมากมายจากออนบอร์ดจนจับต้องได้
ไม่ว่าจะนำไปใช้งานในลักษณะไหนครับ
เป็นผมจะเอาเงิน 2-3 พันบาทไปปรับปรุงอย่างอื่นดีกว่า ลืมครีเอทีพ อย่างที่ท่านมานพ แย้มมาได้เลยนะครับ
-
ขอบคุณสมาชิกทุกท่านครับ ฟังๆ แล้ว ใช้ออนบอร์ดไปนี้แหล่ะ เห็นสมาชิกทุกท่านใช้อยู่ เก็บเงินไว้ดีกว่าครับ ขอบคุณครับทุกท่าน งั้นผม ขอปล่อย x-fi music sb0460 แจ๊คทองราคา 2300 ค่าส่ง 50 บ สนใจติดต่อ ได้ครับ
-
บางครั้งมันก็น่าน้อยใจอย่างที่ ท่านน้านพ พูดถึง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาผมเชื่อว่ามีข้อเขียนรวมทั้งคำตอบที่กลั่นมาจากประสบการณ์อันยาวนานจากหลายท่าน
เพียงแต่หยุดใช้ความคิดนิดหนึ่งก็สามารถนำไปต่อยอดได้
บนเส้นทางในเรื่องของเส้นเสียง ดนตรี และเพลง อันเป็นที่รักของพวกเรา และก่อนที่จะจ่ายเงินไม่ว่าจะมากจะน้อยเท่าไร
มันต้องตอบคำถามในเรื่อง what ? When ? Where ? Why ? และ How ? ให้ได้ก่อน จะได้ไม่บานปลายภายหลัง
ซึ่งผมก็เชื่อว่าตอนนี้ก็มีบางท่านที่กำลังวนอยู่ในวงกต ขณะเดียวกันความรู้พื้นฐานก็ควรต้องเสาะแสวงหา เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น
ความรู้พวกนี้ในกูเกิ้ลมีมากมายถ้าค้นด้วยตัวเองจะเพิ่มพูนในสิ่งที่อยากรู้มากขึ้นมันจะให้ประโยชน์ทั้งตรงและอ้อมอย่างคาดไม่ถึงครับ
ยกตัวอย่างในเรื่องของซาวด์การ์ด ถ้ารู้ถึงหน้าที่แต่ละภาคส่วนของการทำงานบ้าง ก็จะเข้าใจว่า
ณ ภาคสุดท้ายมันจะต้องผ่านการแปลงสัญญาณดิจิตัลให้เป็นอะนาล็อก( DAC) ในราคาที่ใกล้เคียงกัน
มันใช้ชิพที่มีหน้าที่ในการคอนเวิร์ตไม่ห่างกันหรอก จะไปต่างบ้างนิดหน่อยที่อ๊อพแอมป์ที่เป็นภาคขยายเบื้องต้น
เพื่อทำหน้าที่ขยายส่งไปยังปรี หรือมิกซ์ แล้วส่งต่อไปยังแอมป์ และสุดท้ายที่ลำโพง
และทั้งหมดนี้ผมได้มาจากการอ่านในกูเกิ้ล และจ่ายเงินซื้อมาทดลองบ้าง บอกตามตรงว่า SB 0060 หรือ SB 0100 ราคาไม่เกิน 600 บาท
กับ SB 46XX ราคา 2000 อะไรนั่นเอามาเล่น Xtreme แล้วเสียงมันห่างกันมากมาย ผมฟังไม่ออกแฮะ เล่นกับ VSC ซึ่งมารตฐานเชื่อถือได้
เสียงมันจะต่างกันแบบเห็นหน้าเห็นหลัง ก็ต้องขึ้นไปใกล้ระดับหมื่นกลางๆ โน่น เช่น EMU 1212 M หรือ EMU 0404 External ซึ่ง DAC น่าจะตัวเดียวกับ DAC 707 อะไรนั่นครับ
และทุกตัวอักษร ทุกประโยค ที่ผมเขียน สามารถโต้แย้งได้ครับเพราะผมรู้และเข้าใจดีว่า ในเรื่องของเส้นเสียงแล้ว มันไม่มีกฎตายตัว
และที่สุดของที่สุด อยากให้หา แผ่น SHEFFIELD LAB Lab 13 มาฟังเสียงของ
คุณ AMADA McBROOM ฟังจากออนบอร์ดนั่นแหละ แล้วจะเข้าใจว่า ในโลกของเสียงเพลงระดับ Masterpiece หรืองานชิ้นโบว์แดงนั้น
เขาเริ่มต้นจากการเสาะแสวงหานักร้องให้ได้ตามต้องการก่อน ค่อยจ้างนักแต่งเพลงชั้นครูมาแต่งเพลงให้เข้ากับบุคลิกเสียงของเธอ
จากนั้นหาคนที่จะมาไปรดิวเสียงดนตรีมาทำงาน ใช้วิศวกรทางเสียงที่เก่งมากมาออกแบบและใช้เทคโนโลยี่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดค้นได้ในการบันทึกเสียง
ความเป็นอมตะจึงอยู่นานมาจนทุกวันนี้ครับ
(http://image.ohozaa.com/i/bdb/00coverfront.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=c9888c9b4300ae3666a8c29f24be5856)
-
เอ............... หรือผมฟังออนบอร์ดมานานเกินจนชินหู เห็นท่านสมาชิกเชียร์ออนบอร์ดกันจัง
ออนบอร์ด จะดีกว่าที่มาใส่เพิ่มหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการ์ดที่มาใส่เพิ่ม
แต่ที่แน่ๆ ออนบอร์ดไม่ได้ขี้เหร่ ถ้าขี้เหร่ บริษัทผลิตบอร์ดคงไม่ใส่มาให้ดึงยอดขายบอร์ดเขาหรอกครับ (ความเชื่อส่วนตัว - เชื่อมานานแล้ว...)
-
ออนบอร์ดผมชอบตระกูลนี้...
(http://image.ohozaa.com/i/1db/25540321_0002.gif) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=bf82d14ba81fa7bd7c225e5870ff4591)
ประกอบเครื่องให้เพื่อน ก็เลือกแต่ Sound ตัวนี้.. ไม่รู้มีตัวอื่นหรือเปล่า.. เอิ๊กๆ
-
คำตอบ ส่วนตัว (ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย)
ที่ปรามาจารย์ทั้งหลายบอกมาถูกหมดครับ อยู่ที่จะใช้ทำอะไรแค่นั้น
ผมใช้ ตั้งแต่ออนบอร์ด ถึง ตัวละเป็นหมื่น บางท่านตัวละเป็นแสน ผลที่ได้ต่างกันตามราคา
แต่ ท่านต้องตอบคำถามที่ต้องการของตัวเองให้ได้ (บางทีอาจซื้อมาแล้วใช้ไม่คุ้มกับราคา :no_ok:
สรุปตามจุดประสงค์การใช้งาน และตามชอบ ศึกษารายละเอียดตามท่านผู้รู้บอก ก็ ใช้ได้แล้วครับ
และหวังว่าท่านปรามาจารย์ทั้งหลาย จะให้โอกาสแก่ผู้ไม่รู้ หรือมือใหม่ เพราะผมก็เริ่มต้นจากไม่รู้อะไรเลย
อย่าว่ากันเด้อ พี่น้อง :flower:
การให้ยิ่งใหญ่เสมอ
-
ผมว่าไม่เสมอไปหรอกครับ ไม่งั้นคงไม่ผลิตซาว์ดการ์ด ออกมาขายกันราคาเรือนหมื่นหรอกครับ ผมว่านะ อิอิอิอิ เริ่มมีความรุ้ขึ้นมาหน่อยจากท่าน กูรู มันมีองค์ประกอบหลายอย่าง ตั้งแต่ตัวกำเนิดเสียง ภาคขยาย ออกสู่ลำโพง จนกระทบโสตประสาทหูของเรานะครับ ผมยอมรับว่า เมนบอร์ดทุกวันนี้ได้พัฒนาระบบเสียงมาพร้อมกันเลย แต่ความสามารถคงจะสู้ตัวที่ทำหน้าที่เฉพาะเสียงโดยตรงไม่ได้กะมั่งครับ ถ้างั้นบริษัทยักษ์ใหญ่คงขายซาว์ดไม่ได้อย่างแน่นอน อย่างเช่น ระบบสังเคราะห์เสียงจากเครื่องดนตรีภายนอก ถ้าไม่มีซาว์ดการ์ดเป็นตัวเชื่อม ค่ายเพลงใหญ่ๆ ในประเทสไทยหรือเทศ ผมเชื่อแน่ว่า ไม่มีค่ายไหนแน่ที่ไม่ใช้ซาว์ดการ์ด นะครับ สรุป(ตามความคิดผมนะครับ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า)
-
ผมว่าเรื่อง Soundcard เราต้องแยกประเภทให้ออกครับ.. ใช้ยังไง ใช้ที่ไหน Studio หรือ PA
Soundcard ราคาเป็นหมื่นเป็นแสนสำหรับงาน Studio แต่พอออก PA อาจสู้ตัวหลักพันไม่ได้ก็เป็นได้
ซึ่งหลายคนก็คงเค้าใจอยู่แล้วว่างาน Studio มันละเีอียดกว่างาน PA มาก
และงาน PA ใหญ่ๆ ตัวกำเนิดเสียงผมว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ไม่ได้มาจาก Computer
และสิ่งสำคัญเครื่องไม้เครื่องมีในการปรับแต่งเสียงของเรารวมไปใจถึงดอกและตู้ลำโพงก็มีส่วนเยอะ
ซึ่งจะให้เสียงออกมาดี ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันสอดคล้องกันให้ได้มากทีสุด
;D ;D
-
ผมว่าเรื่อง Soundcard เราต้องแยกประเภทให้ออกครับ.. ใช้ยังไง ใช้ที่ไหน Studio หรือ PA
Soundcard ราคาเป็นหมื่นเป็นแสนสำหรับงาน Studio แต่พอออก PA อาจสู้ตัวหลักพันไม่ได้ก็เป็นได้
ซึ่งหลายคนก็คงเค้าใจอยู่แล้วว่างาน Studio มันละเีอียดกว่างาน PA มาก
และงาน PA ใหญ่ๆ ตัวกำเนิดเสียงผมว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ไม่ได้มาจาก Computer
และสิ่งสำคัญเครื่องไม้เครื่องมีในการปรับแต่งเสียงของเรารวมไปใจถึงดอกและตู้ลำโพงก็มีส่วนเยอะ
ซึ่งจะให้เสียงออกมาดี ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันสอดคล้องกันให้ได้มากทีสุด
;D ;D
ตามนั้นครับ
ส่วนตัวผมเอง ครั้งแรกที่รู้จัก MIDI Karaoke ก็ค้นคว้าหามาซึ่ง Sound Card เพื่อเสียงที่คิดว่าดี
หลังจากงมงายซื้อมาลองหลายรุ่นแล้วขายทิ้งเพื่อรุ่นที่(หลงผิด)คิดว่าดีกว่า ตั้งแต่ CT 4780
ไปจนถึง X-fi ... ตัวครึ่งหมื่น สุดท้ายได้ฟังเสียงซาวน์ฟอนท์จากออนบอร์ดของเจ้าหนึ่งในชลบุรี
ทำให้ผมคิดได้ว่า...... "ถึง Sound Card เราจะดี+โหลดซาวน์ฟอนท์ได้ขาดขนาดไหน
ถ้าซาวน์ฟอนท์นั้นไม่สมบูรณ์ดังที่ต้องการยังไง เราก็เหมือนกับนั่งรถไฟที่ถูกบังคับไปตามราง"
ลองเดินลงข้างทางไปกับถนนในป่าที่คนอื่นแผ้วถางไว้บ้างครับ แล้วจะเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นตอนนั่งบนรถไฟ
บางทีเราอาจได้ทำทางเดินเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นเดินตามบ้างก็ได้......ใคระไปรู้ ^_^
:beer: :beer: :beer: :beer: :flower: :flower: :flower: :flower:
-
สุดยอดของความคิด ต่อยอดกันได้ดีมากครับ อืมก็อีกแง่คิดก็เข้าท่านะครับ
-
คุณภาพ ต่างกันตามราคาครับ เปรียบเหมือนจักรยาน กับรถสิบล้อ การ์ดที่มีราคาแพงย่อมขนของได้มากกว่า หรือคุณภาพเสียง ส่วนประกอบของเสียงเต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้มากกว่าของแถม หรือของราคาถูก ไม่งั้นของราคาสูง ก็คงขายไม่ได้ คนซื้อก็คงไม่ใช่คนบ้า....ที่หาของแพงๆมาใช้...แต่ถ้าคิดจะทำมาหากินด้วย คอมพิวเตอร์ คาราโอเกะ แนะนำให้ลงทุนด้วยชุดคอมพิวเตอร์+Soundcard คูณภาพดี ตามที่งบประมาณจะจัดหาซื้อมาได้ ไม่งั้นจะเหมือนท่านจ้างพนักงานขับรถชั้นดี มาขี่รถจักรยานแทน.....ลงทุนกับเครื่องเสียง ลำโพง เครื่องปรุงสารพัด ดันมาจำกัดคุณภาพ ที่แหล่งต้นทาง...ผลที่ได้ก็ไม่คุ้มค่า ไม่คุ้มราคาเด้อครับ...ซื้อเครื่องเสียงเรือนล้าน มาใช้คอม+ซาวน์ดออนบอร์ด ราคาหลักร้อย หลักพัน ก็กระไรอยู่... ??? ??? ???
-
คุณภาพ ต่างกันตามราคาครับ เปรียบเหมือนจักรยาน กับรถสิบล้อ การ์ดที่มีราคาแพงย่อมขนของได้มากกว่า หรือคุณภาพเสียง ส่วนประกอบของเสียงเต็มเม็ดเต็มหน่วย ได้มากกว่าของแถม หรือของราคาถูก ไม่งั้นของราคาสูง ก็คงขายไม่ได้ คนซื้อก็คงไม่ใช่คนบ้า....ที่หาของแพงๆมาใช้...แต่ถ้าคิดจะทำมาหากินด้วย คอมพิวเตอร์ คาราโอเกะ แนะนำให้ลงทุนด้วยชุดคอมพิวเตอร์+Soundcard คูณภาพดี ตามที่งบประมาณจะจัดหาซื้อมาได้ ไม่งั้นจะเหมือนท่านจ้างพนักงานขับรถชั้นดี มาขี่รถจักรยานแทน.....ลงทุนกับเครื่องเสียง ลำโพง เครื่องปรุงสารพัด ดันมาจำกัดคุณภาพ ที่แหล่งต้นทาง...ผลที่ได้ก็ไม่คุ้มค่า ไม่คุ้มราคาเด้อครับ...ซื้อเครื่องเสียงเรือนล้าน มาใช้คอม+ซาวน์ดออนบอร์ด ราคาหลักร้อย หลักพัน ก็กระไรอยู่... ??? ??? ???
;D ;D ;D :happy: :happy: :happy: ;D ;D ;D
-
ผมว่าเรื่อง Soundcard เราต้องแยกประเภทให้ออกครับ.. ใช้ยังไง ใช้ที่ไหน Studio หรือ PA
Soundcard ราคาเป็นหมื่นเป็นแสนสำหรับงาน Studio แต่พอออก PA อาจสู้ตัวหลักพันไม่ได้ก็เป็นได้
ซึ่งหลายคนก็คงเค้าใจอยู่แล้วว่างาน Studio มันละเีอียดกว่างาน PA มาก
และงาน PA ใหญ่ๆ ตัวกำเนิดเสียงผมว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ไม่ได้มาจาก Computer
และสิ่งสำคัญเครื่องไม้เครื่องมีในการปรับแต่งเสียงของเรารวมไปใจถึงดอกและตู้ลำโพงก็มีส่วนเยอะ
ซึ่งจะให้เสียงออกมาดี ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันสอดคล้องกันให้ได้มากทีสุด
;D ;D
เห็นด้วยครับ
-
ตามนั้นครับ
ส่วนตัวผมเอง ครั้งแรกที่รู้จัก MIDI Karaoke ก็ค้นคว้าหามาซึ่ง Sound Card เพื่อเสียงที่คิดว่าดี
หลังจากงมงายซื้อมาลองหลายรุ่นแล้วขายทิ้งเพื่อรุ่นที่(หลงผิด)คิดว่าดีกว่า ตั้งแต่ CT 4780
ไปจนถึง X-fi ... ตัวครึ่งหมื่น สุดท้ายได้ฟังเสียงซาวน์ฟอนท์จากออนบอร์ดของเจ้าหนึ่งในชลบุรี
ทำให้ผมคิดได้ว่า...... "ถึง Sound Card เราจะดี+โหลดซาวน์ฟอนท์ได้ขาดขนาดไหน
ถ้าซาวน์ฟอนท์นั้นไม่สมบูรณ์ดังที่ต้องการยังไง เราก็เหมือนกับนั่งรถไฟที่ถูกบังคับไปตามราง"
ลองเดินลงข้างทางไปกับถนนในป่าที่คนอื่นแผ้วถางไว้บ้างครับ แล้วจะเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นตอนนั่งบนรถไฟ
บางทีเราอาจได้ทำทางเดินเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นเดินตามบ้างก็ได้......ใคระไปรู้ ^_^
:beer: :beer: :beer: :beer: :flower: :flower: :flower: :flower:
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
-
ผมบังเอิญเกิดก่อนหลายๆ ท่านในที่นี้ และก็โชคดีที่ได้ลองเล่นในสิ่งที่ชอบ ผมเล่นคอมมาตั้งแต่มันไม่มีเสียง และร้องเพลงยังไม่เป็น จอก็เป็นสีเขียว
เล่นแบบงูๆ ปลาๆ ไปเรียนบ้างแต่ก็ไม่แตกฉาน สมัยก่อนเล่นบนดอสอย่างเดียว จวบจนมี วินโดว์ 3.1 เกิดขึ้นซาวด์การ์ดถึงได้พัฒนาแบบก้าวกระโดด
แต่การนำไปใช้งานจะแบ่งการพัฒนาตามเงื่อนไข การตลาดเป็นหลัก คือ ตลาด โฮมยูส กับงานอาชีพซึ่งก็คือในงานในสตูดิโอ
โฮมยูสนั้น คือการนำไปใช้งานเพื่อ เอ็นเทอร์เทน ทุกคนในบ้าน คือดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อาจจะมีเร็คคอร์ดบ้าง เท่านั้นจริงๆ
ต่อมาก็นำไปใช้งานกับ คาราโอเกะ และก็ต่อยอดไปได้อีกเล็กน้อย นั่นหมายถึง ใช้ ซาวด์การ์ด ในลักษณะ Player เกือบ 100%
งานเล่นอย่างเดียวสำหรับในบ้านนั้น ปัจจุบันที่เทคโนโลยี่ถือว่าก้าวหน้ามากนั้น ซาวด์ออนบอร์ด ที่อินเทลเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงนั้น
ถือว่าให้ความเป็น ไฮไฟ หรือ High fidelity ได้พอเพียงต่อการใช้งานแล้ว แต่มันก็ยังมีแต่อีกแหละ ในโลกของเสียงซึ่งไม่หยุดอยู่กับที่
พลังของคนที่รักในเส้นเสียงและมีอำนาจซื้อสูงต้องการมากกว่านั้น เพื่อมาเข้าชุดกับระบบเสียงอันแสนแพงของเขา ย้ำว่าระบบเสียงที่แพง ของเขาทั้งระบบ
จึงเกิดมีซาวด์การ์ดที่ใช้ในบ้านขึ้นมาอีกระดับและต่อยอดออกไปเป็น DAC อย่างที่รู้กัน แต่ต้องมีเงินถึงพอสมควร
เพราะต้องใช้อุปกรณ์เส้นสายซึ่งบางทีมันแพงกว่า DAC เสียอีก และเป็นกฎตายตัวของการตลาด
บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตซาวด์ออกขายทั่วโลก เมื่อผลิตรุ่นเรือธง ออกมา ก็จะมีรุ่นคอมเมอร์เชียลออกมาในราคาที่คนทั่วไปยอมควักเงินซื้อซึ่งก็ขายรับเงินได้มหาศาล
คือรุ่นที่ว่ากันนั่นละ ตอนออกใหม่หนังสือที่เกี่ยวกับคอมเขียนเชียร์ออกหน้าออกตา แม้ทุกวันนี้ก็ยังปั่นราคากันอยู่
ผมถึงได้บอกว่า ซาวด์การ์ดในระดับราคาไม่ถึงหมื่นนั้น กลไกด้านตลาดมันให้ได้แค่นั้น คือเป็นแค่ตัว Player เท่านั้นครับ อย่าไปหวังอะไรมากนัก
ส่วนในสตูดิโอนั้น เน้นที่ Record เป็นหลัก จึงเกิดมี ซาวด์การ์ดทุกระดับราคา เพื่อป้อนตลาดตามกำลังเงิน การ์ดที่มีภาค A/D มีภาค ไมค์ปรีดีๆ ขั้นสุดยอด
มีอินพุตเอ้าพุตหลายช่องมักจะมี หน่วยประมวลผลในตัวซึ่งไม่ต้องพึ่งพา CPU ของตัวคอมพิวเตอร์ ราคาก็แพงขึ้นหลักหลายๆ แสน
แต่ ภาค Player ของการ์ดในสตูดิโอ กลับไม่ได้ใช้ชิพหรืออ๊อพแอมป์ที่วิเศษไปกว่า โฮมยูส มากมายนัก
เพราะเขาถือว่ามีไว้เพื่อ ขับลำโพงมอนิเตอร์เพื่อให้เสียงที่เป็นกลางและ ใช้ เป็น มอนิเตอร์ แท้ๆ เท่านั้นครับ
ต่อมาในเรื่องของคาราโอเกะ ก็ยังแยกออก ระหว่าง โฮมยูส กับอาชีพ อาชีพหมายถึงการมีวงเพื่อรับจ้างออกงาน จะสมัครเล่นเป็นรายได้เสริม หรือจริงจังก็ตาม
การแข่งขันและตลาดผู้เป็นเจ้าภาพ ก็จะเป็นตัวกำหนดในการลงทุนกับเรื่องของซาวด์ เพื่อเข้าถึงคุณภาพ ถึงตอนนี้ต้องแยกให้ออกละครับ
ในเรื่องของซาวด์การ์ด ถ้าภายในบ้านผมพอแนะนำได้ แต่งานกลางแจ้ง ผมมันรู้แค่อนุบาลคงต้องให้ท่านอื่นมาแนะนำต่อ
และอย่างที่บอก ตัวหนังสือผมสามารถโต้แย้งได้ครับ แค่นิดเดียวที่การแย้งนั้น ต้องด้วยเหตุผลและความรู้ประกอบบ้าง
ทั้งนี้เพื่อเกิดประโยชน์กับท่านอื่นที่ไม่รู้จริงๆ ความรู้ที่แท้จริงที่ใหม่กว่าครบถ้วนสมบูรณ์กว่าที่ผมพูดถึงมันจะช่วยเติมเต็ม
และเป็นการสร้างให้เกิดองค์ความรู้ แก่ชุมชนอันเป็นที่รักของเราในนี้ ไม่ใช่แย้งด้วย ความรู้สึก เพียงอย่างเดียว สังคมจะไม่ได้อะไรเลยครับ
-
เห็นด้วยกะป๋า มะละกอ ครับ เพราะท่านเล่นเครื่องเสียงมามากกว่า 60 ปีแหล่ะครับป๋า แล้วของที่ป๋ามีไม่ถอดออกมาปล่อยบ้างหรือครับป๋า
-
ผมบังเอิญเกิดก่อนหลายๆ ท่านในที่นี้ และก็โชคดีที่ได้ลองเล่นในสิ่งที่ชอบ ผมเล่นคอมมาตั้งแต่มันไม่มีเสียง และร้องเพลงยังไม่เป็น จอก็เป็นสีเขียว
เล่นแบบงูๆ ปลาๆ ไปเรียนบ้างแต่ก็ไม่แตกฉาน สมัยก่อนเล่นบนดอสอย่างเดียว จวบจนมี วินโดว์ 3.1 เกิดขึ้นซาวด์การ์ดถึงได้พัฒนาแบบก้าวกระโดด
แต่การนำไปใช้งานจะแบ่งการพัฒนาตามเงื่อนไข การตลาดเป็นหลัก คือ ตลาด โฮมยูส กับงานอาชีพซึ่งก็คือในงานในสตูดิโอ
โฮมยูสนั้น คือการนำไปใช้งานเพื่อ เอ็นเทอร์เทน ทุกคนในบ้าน คือดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อาจจะมีเร็คคอร์ดบ้าง เท่านั้นจริงๆ
ต่อมาก็นำไปใช้งานกับ คาราโอเกะ และก็ต่อยอดไปได้อีกเล็กน้อย นั่นหมายถึง ใช้ ซาวด์การ์ด ในลักษณะ Player เกือบ 100%
งานเล่นอย่างเดียวสำหรับในบ้านนั้น ปัจจุบันที่เทคโนโลยี่ถือว่าก้าวหน้ามากนั้น ซาวด์ออนบอร์ด ที่อินเทลเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงนั้น
ถือว่าให้ความเป็น ไฮไฟ หรือ High fidelity ได้พอเพียงต่อการใช้งานแล้ว แต่มันก็ยังมีแต่อีกแหละ ในโลกของเสียงซึ่งไม่หยุดอยู่กับที่
พลังของคนที่รักในเส้นเสียงและมีอำนาจซื้อสูงต้องการมากกว่านั้น เพื่อมาเข้าชุดกับระบบเสียงอันแสนแพงของเขา ย้ำว่าระบบเสียงที่แพง ของเขาทั้งระบบ
จึงเกิดมีซาวด์การ์ดที่ใช้ในบ้านขึ้นมาอีกระดับและต่อยอดออกไปเป็น DAC อย่างที่รู้กัน แต่ต้องมีเงินถึงพอสมควร
เพราะต้องใช้อุปกรณ์เส้นสายซึ่งบางทีมันแพงกว่า DAC เสียอีก และเป็นกฎตายตัวของการตลาด
บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตซาวด์ออกขายทั่วโลก เมื่อผลิตรุ่นเรือธง ออกมา ก็จะมีรุ่นคอมเมอร์เชียลออกมาในราคาที่คนทั่วไปยอมควักเงินซื้อซึ่งก็ขายรับเงินได้มหาศาล
คือรุ่นที่ว่ากันนั่นละ ตอนออกใหม่หนังสือที่เกี่ยวกับคอมเขียนเชียร์ออกหน้าออกตา แม้ทุกวันนี้ก็ยังปั่นราคากันอยู่
ผมถึงได้บอกว่า ซาวด์การ์ดในระดับราคาไม่ถึงหมื่นนั้น กลไกด้านตลาดมันให้ได้แค่นั้น คือเป็นแค่ตัว Player เท่านั้นครับ อย่าไปหวังอะไรมากนัก
ส่วนในสตูดิโอนั้น เน้นที่ Record เป็นหลัก จึงเกิดมี ซาวด์การ์ดทุกระดับราคา เพื่อป้อนตลาดตามกำลังเงิน การ์ดที่มีภาค A/D มีภาค ไมค์ปรีดีๆ ขั้นสุดยอด
มีอินพุตเอ้าพุตหลายช่องมักจะมี หน่วยประมวลผลในตัวซึ่งไม่ต้องพึ่งพา CPU ของตัวคอมพิวเตอร์ ราคาก็แพงขึ้นหลักหลายๆ แสน
แต่ ภาค Player ของการ์ดในสตูดิโอ กลับไม่ได้ใช้ชิพหรืออ๊อพแอมป์ที่วิเศษไปกว่า โฮมยูส มากมายนัก
เพราะเขาถือว่ามีไว้เพื่อ ขับลำโพงมอนิเตอร์เพื่อให้เสียงที่เป็นกลางและ ใช้ เป็น มอนิเตอร์ แท้ๆ เท่านั้นครับ
ต่อมาในเรื่องของคาราโอเกะ ก็ยังแยกออก ระหว่าง โฮมยูส กับอาชีพ อาชีพหมายถึงการมีวงเพื่อรับจ้างออกงาน จะสมัครเล่นเป็นรายได้เสริม หรือจริงจังก็ตาม
การแข่งขันและตลาดผู้เป็นเจ้าภาพ ก็จะเป็นตัวกำหนดในการลงทุนกับเรื่องของซาวด์ เพื่อเข้าถึงคุณภาพ ถึงตอนนี้ต้องแยกให้ออกละครับ
ในเรื่องของซาวด์การ์ด ถ้าภายในบ้านผมพอแนะนำได้ แต่งานกลางแจ้ง ผมมันรู้แค่อนุบาลคงต้องให้ท่านอื่นมาแนะนำต่อ
และอย่างที่บอก ตัวหนังสือผมสามารถโต้แย้งได้ครับ แค่นิดเดียวที่การแย้งนั้น ต้องด้วยเหตุผลและความรู้ประกอบบ้าง
ทั้งนี้เพื่อเกิดประโยชน์กับท่านอื่นที่ไม่รู้จริงๆ ความรู้ที่แท้จริงที่ใหม่กว่าครบถ้วนสมบูรณ์กว่าที่ผมพูดถึงมันจะช่วยเติมเต็ม
และเป็นการสร้างให้เกิดองค์ความรู้ แก่ชุมชนอันเป็นที่รักของเราในนี้ ไม่ใช่แย้งด้วย ความรู้สึก เพียงอย่างเดียว สังคมจะไม่ได้อะไรเลยครับ
นักเล่น โฮเอ็นด์ จะเน้นที่คุณภาพของอุปกรณ์ โดยลดความซับซ้อนของระบบลง(อุปกรณ์มันเยี่ยมอยู่แล้ว ซึ่งตามมาด้วนสนนราคาที่สูงเอาการ)ทำให้ได้สียงที่เที่ยงตรง(บางทีจนกลายเป็นระบบ ขี้ฟ้อง) แต่ในงาน พีเอ กลางแจ้งกลับไม่เป็นเช่นนั้น อุปกรณ์นอกเหนือจากที่เล่นแบบโฮมยูส มีเพิ่มมามากมาย ทั้งก็เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องซึ่งเกิดจากสภาพอคูสติกที่ไม่สามารถกำหนดล่วงหน้าแบบโฮมยูสและให้ได้มาซึ่ง คุณภาพเสียงที่ให้เข้าใกล้ หรือมีความเป็นดนตรีสูงขึ้น จุดประสงค์ก็คือให้ได้เสียงที่ดี แต่องค์ประกอบ สภาพแวดล้อมมันไม่ได้ถูกกำหนดไว้เหมือนที่ใช้ในห้องเท่านั้นเองครับ..ผมนึกถึงตอนนั่งฟัง เครื่องเล่น ซีดี (ทรานสปอร์ต) ผ่าน ดีทูเอ ไม่มีปรีแอมป์ ผ่านเพาเวอร์ ลำโพง ชั้นยอด ในห้องซึ่งเร่งแอร์จนเย็นฉ่ำ จากนั้น ปิดแอร์ ให้เงียบสนิท (ของคหบดี ที่รู้จักกันน่ะครับ ;D) แบบนี้.เสียงเข็มหล่นลงพื้น.มันยังถ่ายทอดออกมาให้ได้แบบ กระจ่าง คนละอย่างกับงานพีเอ กลางแจ้ง แต่ ก็จุดประสงค์เดียว ทำยังไงให้ได้เสียงที่ออกมา ดี เท่าที่จะทำได้..อันนี้ก็ถามกันบ่อยว่า แล้ว ชุดแบบไหน ดีที่สุด ซึ่งเป็นคำถามที่ตอบยากมาก ในความรู้สึกของผม เอาเป็นว่า สนองความต้องการได้ ในงบที่เอื้อมถึง ละกันครับ.. ;D :thank1:
-
นักเล่น โฮเอ็นด์ จะเน้นที่คุณภาพของอุปกรณ์ โดยลดความซับซ้อนของระบบลง(อุปกรณ์มันเยี่ยมอยู่แล้ว ซึ่งตามมาด้วนสนนราคาที่สูงเอาการ)ทำให้ได้สียงที่เที่ยงตรง(บางทีจนกลายเป็นระบบ ขี้ฟ้อง) แต่ในงาน พีเอ กลางแจ้งกลับไม่เป็นเช่นนั้น อุปกรณ์นอกเหนือจากที่เล่นแบบโฮมยูส มีเพิ่มมามากมาย ทั้งก็เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องซึ่งเกิดจากสภาพอคูสติกที่ไม่สามารถกำหนดล่วงหน้าแบบโฮมยูสและให้ได้มาซึ่ง คุณภาพเสียงที่ให้เข้าใกล้ หรือมีความเป็นดนตรีสูงขึ้น จุดประสงค์ก็คือให้ได้เสียงที่ดี แต่องค์ประกอบ สภาพแวดล้อมมันไม่ได้ถูกกำหนดไว้เหมือนที่ใช้ในห้องเท่านั้นเองครับ..ผมนึกถึงตอนนั่งฟัง เครื่องเล่น ซีดี (ทรานสปอร์ต) ผ่าน ดีทูเอ ไม่มีปรีแอมป์ ผ่านเพาเวอร์ ลำโพง ชั้นยอด ในห้องซึ่งเร่งแอร์จนเย็นฉ่ำ จากนั้น ปิดแอร์ ให้เงียบสนิท (ของคหบดี ที่รู้จักกันน่ะครับ ;D) แบบนี้.เสียงเข็มหล่นลงพื้น.มันยังถ่ายทอดออกมาให้ได้แบบ กระจ่าง คนละอย่างกับงานพีเอ กลางแจ้ง แต่ ก็จุดประสงค์เดียว ทำยังไงให้ได้เสียงที่ออกมา ดี เท่าที่จะทำได้..อันนี้ก็ถามกันบ่อยว่า แล้ว ชุดแบบไหน ดีที่สุด ซึ่งเป็นคำถามที่ตอบยากมาก ในความรู้สึกของผม เอาเป็นว่า สนองความต้องการได้ ในงบที่เอื้อมถึง ละกันครับ.. ;D :thank1:
;D
(http://upic.me/i/oy/y0146.jpg)
CD Transport ผมยังใช้ External CD SCSI โบราณเหลือใช้ ความเร็วในการอ่าน 4x เลยครับ
ไม่มีตังค์ซื้อของแพงๆ บางครั้งหาอะไรทับมันกับให้เสียงฟังเพราะขึ้นอีกต่างหาก
-
ครับ..สำหรับผม.ตอนนี้.. Foobar เข้าประจำการ..มันทำให้อะไร ๆ ก็ดูดีขึ้นแล้วครับ... ;D :thank1:
(http://image.ohozaa.com/i/d3b/180311125248.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=5e9724964c7799e5d94693f3c74c279d)
บางที บันทึกแบบห่วย ๆ ฟูบาร์ ยังช่วยขัดเกลา ให้งานเก่าๆ พอฟังได้ บางทีก็ฟังที่ลำโพงเล็ก ๆ ข้าง ทีวี แทนตัวใหญ่ๆ(น้องๆตู้เย็น) ก็พอได้อยู่ครับ.. ;D
(http://image.ohozaa.com/i/09e/150311204343.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=c70ce842b77882fe19f02d24d585b027)