ยังสงสัยว่าจะมีท่านใดถามหรือเปล่า?
เป็นอีกหนึ่งคำถามที่รออยู่ครับ
Mackie รุ่นนี้ก็เหมือนมิกซ์ในราคาใกล้เคียงกันที่มี EQ ให้มาเพื่อการปรับแต่งให้ละเอียดขึ้นบ้าง
EQ ซึ่งกำกับอยู่ทุกช่อง MIC/LINE เรียกว่า Parametric EQ
ช่องบนสุดคือ HI ตั้งความถี่ Fix ไว้ที่ 12 K หรือ 1200 Hz เป็นความถี่ที่ตั้งตายตัวมาจากโรงงานเปลี่ยนไม่ได้
จะทำได้แค่จูนหาจุดที่เพราะที่สุดในอุดมคติเท่านั้น และการจูนก็คือการ Cut/Boot ที่ปุ่มหมุน ได้ระหว่าง -15 - 15 dB
และเช่นเดียวกับช่องล่างสุดคือ LOW Fix ที่ 80 Hz ครับ
มาถึงช่องที่สำคัญ คือช่อง MID
ซึ่งชี้เป็นชี้ตายถึงความสามารถของผู้ปรับ หรือ คนทำซาวด์ ว่าเจ๋งขนาดไหน หูได้รับการฝึกมาให้ไวต่อเสียงหรือไม่( Ear Training )
ประสบการณ์ซึ่งเพิ่มทักษะมากหรือน้อย อยู่ที่จุดนี้ เพราะมันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ติดตั้งระบบเสียงด้วย ภายในอาคาร กลางแจ้ง ฯลฯ
ทั้งนี้เพราะย่านเสียงกลาง มีความกว้างมากกว่า LOW และ HI มาก และเป็นช่วงที่ Sensitve ต่อหูคนเรามากที่สุด
เป็นช่วงที่เสียงคนร้องกับเสียงดนตรีทุกชนิด มีย่านความถี่ทับกันหรือขี่กันมากที่สุด
เมื่อบังเอิญมาขี่กัน เสียงเพลงที่ได้ยินจะมัว ไม่แจ่มชัดเจน ทำให้ขาดความเป็น hifidelity (เสียงแท้จริงเป็นธรรมชาติ)
ช่องนี้จึงเพิ่ม ปุ่มสีขาวขึ้นมาสำหรับปรับตั้ง ย่านความถี่ ได้ครับ ไม่ Fix ตายตัว

ในนี้ให้สามารถปรับได้ตั้งแต่ 100 - 8000 Hz ( เป็นช่วง กลางต่ำ กลาง กลางสูง )
ซึ่ง ณ จุดนี้เวลาปรับจูนเสียงคนร้องก็ต้องมาดูว่า เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงร้อง
ไมค์ให้โทนเสียงไปทางไหนมาก สมมุติเสียงนักร้องผู้ชายที่มีเสียงค่อนข้างทุ้มหนา ใช้ไมค์ชัวร์ 58 ซึ่งออกหนาอ้วน
ก็ต้องตั้งความถี่ให้สูงกว่า 1000 Hz หน่อย แล้วมา Cut/Boot ที่ปุ่ม MID จนฟังดูดีหรือได้ยินเสียงร้องชัดเจนที่สุด
ลองตั้งหลายความถี่ที่ปุ่มขาวนี้ และ Cut/Boot จนพอใจนะครับ เสร็จแล้วก็จำไว้ว่าจุดนี้สำหรับนักร้องคนนี้
อยู่ที่หูของท่านทั้งหลายละครับ ต้องฝึกต้องทดลองฟังด้วยตัวเองจนชำนาญ
เมื่อได้จุดที่ต้องการ เสียงร้องของคนจะลอยนำหน้าเสียงดนตรี และจะลดการขี่ทับกันได้อย่างน่าประหลาดใจ
เวลามิกซ์ออกมาโดยมีเอฟเฟคมาเชื่อมกับเสียงดนตรี ก็จะกลายเป็นเพลงที่ไพเราะสมบูรณ์แบบครับ