ผู้เขียน หัวข้อ: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.  (อ่าน 92470 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ วิชัยคนธรรพ์

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 3261
  • 740F32AE
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #225 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 09:42:09 น. »
ไม่มี Di box มั่ง?
หรือก็แค่ สายสัญญาณ พาดที่ตัวไมค์?

ออฟไลน์ Amorn Pattaya

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • **
  • กระทู้: 8384
  • HL#4C89B630 , 6EE74894,789AC331 ( X-men )
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #226 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 09:43:39 น. »
การม้วนสายที่เหลือเป็นวงกลมก็เป็นสิ่งไม่ควรทำเช่นกันครับ ใช่มันอาจสวยงาม แต่ในทางไฟฟ้าการเอาลวดมาม้วนเป็นขด แล้วมีกระแสไฟไหลผ่าน มันจะทำให้เกิดแรงเหนี่ยวนำ
ทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก...ซึ่งก็มีผลต่อสัญญาณเสียงได้เหมือนกันครับ.....
    แต่ในภาพที่ถามมานั้น คำตอบ ของคำถามนั้นเป็นเรื่องของความ รู้ หรือไม่รู้ หรือไม่ทันได้ระวังสังเกตุ อะไรทำนองนี้แหละ.....ผมใบ้ให้แล้วนะครับ...เยอะด้วย..อิอิ :hap3:

keenew

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #227 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 09:46:03 น. »
ไม่มี Di box มั่ง?
หรือก็แค่ สายสัญญาณ พาดที่ตัวไมค์?

Bingo  ท่านที่ไปอบรมมารบกวนอธิบายต่อได้เลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 09:48:32 น. โดย กีนิว »

ออฟไลน์ Amorn Pattaya

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • **
  • กระทู้: 8384
  • HL#4C89B630 , 6EE74894,789AC331 ( X-men )
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #228 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 09:47:26 น. »
ไม่มี Di box มั่ง?
หรือก็แค่ สายสัญญาณ พาดที่ตัวไมค์?
เก่งมาก ท่านวิชัย....สุดยอด สมเป็นมือโปรฯ เจ้าของวงใหญ่ๆ .....ถูกต้องครับ......

 :D :D :D :D :D :happy: :happy: :happy: :happy: :happy: :happy: :th2: :th2: :th2: :th2: :th2: :th2: :th2:

ออฟไลน์ วิชัยคนธรรพ์

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 3261
  • 740F32AE
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #229 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 09:50:25 น. »
บ๊ะรับรางวัลตรงไหนนี่ 555+

เอาไปสองร้อยรูปี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:24:22 น. โดย กีนิว »

ออฟไลน์ x-men

  • ผู้พัฒนาโปรแกรม
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *****
  • กระทู้: 4836
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #230 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 09:51:36 น. »
Bingo  ท่านที่ไปอบรมมารบกวนอธิบายต่อได้เลยครับ


แหะ ๆ รบกวนเฉลยรายละเอียดด้วยครับว่าทำไมเค้าห้ามสายสัญญาณพาดหัวไมค์
ขอถามความรู้เพิ่มอีกอย่างครับ ทำไมเค้าถึงนิยมใช้ไมค์จอลำโพงครับ ทำไมไม่ต่อจากไลน์เอาท์ออกมาเลย

keenew

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #231 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 09:53:43 น. »
แหะ ๆ รบกวนเฉลยรายละเอียดด้วยครับว่าทำไมเค้าห้ามสายสัญญาณพาดหัวไมค์
ขอถามความรู้เพิ่มอีกอย่างครับ ทำไมเค้าถึงนิยมใช้ไมค์จอลำโพงครับ ทำไมไม่ต่อจากไลน์เอาท์ออกมาเลย

อ้าวววว ตรงประเด็นเลยครับ ท่านที่ไปอบรมมารบกวนหน่อยครับ

ออฟไลน์ Amorn Pattaya

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • **
  • กระทู้: 8384
  • HL#4C89B630 , 6EE74894,789AC331 ( X-men )
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #232 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:05:26 น. »
แหะ ๆ รบกวนเฉลยรายละเอียดด้วยครับว่าทำไมเค้าห้ามสายสัญญาณพาดหัวไมค์
ขอถามความรู้เพิ่มอีกอย่างครับ ทำไมเค้าถึงนิยมใช้ไมค์จอลำโพงครับ ทำไมไม่ต่อจากไลน์เอาท์ออกมาเลย
การเอาสายสัญญาณของมือกีต้าร์พาดที่หัวไมเวลาเล่น สายอาจเกิดการเคลื่อนไหว อาจจะจากการเคลื่อนตัวของศิลปินเองหรือ แรงลม อะไรก็แล้วแต่ จะทำให้มีเสียง
ครืด คราด จวดจ้าด...ฯลฯ ซึ่งเป็นเสียงที่ไม่พึงประสงค์ ครับ
  การใช้ไมค์มิกซ์หน้าตู้จะได้เสียงจริงๆจากการเล่น เพนาะบางครั้งเวลาใช้เครื่องช่วยเอฟเฟคต่างๆ สำเนียงการดันสายดึงสาย ถ้า ไลน์ตรง จะได้ไม่เท่ากับที่หน้าตู้ครับ :thank1: :thank1: :thank1:

keenew

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #233 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:07:34 น. »
     เนื่องจากว่าสายสีเหลืองที่เห็น เป็นสายที่มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ หากมันไม่ขยับไม่ได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเท่าไหร่ ทีนี้ลองคิดดูครับว่า หากกำลังโชว์อยู่ สายมันขยับเขยื้อนมากระแทกกับไมค์ที่จ่อ ทำให้มีเสียงกุกกัก กุกกัก โชว์นั้นก็จะออกมาแย่ถูกไหมหล่ะครับ
เป็นสิ่งที่หลายๆคนมองข้าม คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ลองเจอกับตัวเองเถอะครับ บอกคำเดียวว่า นรกแน่ๆ


ในการแสดงสด เสียงเบส เนื่องจากมี wavelength ที่มีขนาดใหญ่มาก ยากแก่การควบคุม ดังนั้นจึงนิยม ใช้ di box มาต่อตรงจากตัว bass gtr เลยมากกว่าครับ แต่หากอยากใช้ mic ก็ได้ครับ ทีนี้ ตู้ gtr เวลานักดนตรีเล่น เขาต้องผสม fx ให้เข้ากับ น้ำเสียงของตู้ gtr เราเลยต้องใช้ mic จ่อด้วยครับ

เค้าตอบกันแล้วนี่นา ไม่ทันครับ

ออฟไลน์ x-men

  • ผู้พัฒนาโปรแกรม
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *****
  • กระทู้: 4836
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #234 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:12:22 น. »
การเอาสายสัญญาณของมือกีต้าร์พาดที่หัวไมเวลาเล่น สายอาจเกิดการเคลื่อนไหว อาจจะจากการเคลื่อนตัวของศิลปินเองหรือ แรงลม อะไรก็แล้วแต่ จะทำให้มีเสียง
ครืด คราด จวดจ้าด...ฯลฯ ซึ่งเป็นเสียงที่ไม่พึงประสงค์ ครับ
  การใช้ไมค์มิกซ์หน้าตู้จะได้เสียงจริงๆจากการเล่น เพนาะบางครั้งเวลาใช้เครื่องช่วยเอฟเฟคต่างๆ สำเนียงการดันสายดึงสาย ถ้า ไลน์ตรง จะได้ไม่เท่ากับที่หน้าตู้ครับ :thank1: :thank1: :thank1:

    เนื่องจากว่าสายสีเหลืองที่เห็น เป็นสายที่มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ หากมันไม่ขยับไม่ได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเท่าไหร่ ทีนี้ลองคิดดูครับว่า หากกำลังโชว์อยู่ สายมันขยับเขยื้อนมากระแทกกับไมค์ที่จ่อ ทำให้มีเสียงกุกกัก กุกกัก โชว์นั้นก็จะออกมาแย่ถูกไหมหล่ะครับ
เป็นสิ่งที่หลายๆคนมองข้าม คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ลองเจอกับตัวเองเถอะครับ บอกคำเดียวว่า นรกแน่ๆ


ในการแสดงสด เสียงเบส เนื่องจากมี wavelength ที่มีขนาดใหญ่มาก ยากแก่การควบคุม ดังนั้นจึงนิยม ใช้ di box มาต่อตรงจากตัว bass gtr เลยมากกว่าครับ แต่หากอยากใช้ mic ก็ได้ครับ ทีนี้ ตู้ gtr เวลานักดนตรีเล่น เขาต้องผสม fx ให้เข้ากับ น้ำเสียงของตู้ gtr เราเลยต้องใช้ mic จ่อด้วยครับ

เค้าตอบกันแล้วนี่นา ไม่ทันครับ

โอ้กระจ่างเลย คิดไม่ถึงจริง ๆ ครับคิดไปถึงเรื่องสัญญาณจะกวนกันไปโน่น  ;D
ขอบคุณทุก ๆ ท่านครับที่ทำให้สมองมีรอยหลักเพิ่มขึ้น  :flower:

ขอโจทย์เพิ่มอีกครับ  ;D

ออฟไลน์ Batman

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 16546
  • 748AAC77,448AB84C,54095318,7660DAE5,97606B15,47C5E
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #235 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:13:23 น. »
 :thank1:
ได้ความรู้เหมือนเข้าอบรมเรยยย
 :party:

ออฟไลน์ วิเชียร

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 236
  • HL#5C92A904
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #236 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:17:51 น. »
พี่มะละกอ บอกว่า
"ทั้ง 3 ภาพ มีความเกี่ยวข้องกัน ดูไปก่อนครับ  เผอิญผมมีไข้หลังจากกลับจากระยอง
ปวดเมื่อยทั้งตัวแถมเจ็บคออย่างแรงแล้วจะมาอธิบายภายหลัง หรือท่านวิเชียรจะกรูณา
ร่ายไปก่อนก็ได้ครับ ช่วยๆ กัน"

ข้าฯ น้อยมิกล้าจริงๆ
ขอรอฟังจากอาจารย์ด้วยคน

keenew

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #237 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:23:29 น. »
จากน้าแอ๊ด(วิทยากร)ฝากมาครับ

การใช้ไมค์ รับเสียงเครื่องดนตรี
แสดงว่า มักจะเป็นเครื่องดนตรี acoustic เช่น กลอง เครื่องเป่า อะไรประมาณนี้ครับ

เริ่มต้น ก็ต้องเลือกใช้ ไมค์ ให้ถูกต้องเหมาะสม กับ เครื่องดนตรีนั้นๆ ก่อนเลยครับ
ทั้ง ชนิด ว่าจะเป็น Dynamic หรือ Condenser และ Pattern การรับเสียง ว่าจะเป็นแบบใดครับ
รวมทั้ง frequency respond ของไมค์ตัวนั้นๆให้เหมาะสมครับ

หลักๆของแนวความคิดในการทำงาน live sound คือ เราพยายามจะรับเสียง ที่เราจะนำมาขยายเสียง
โดยไม่รับเสียงอื่นๆ ที่อยู่ข้างเคียงที่เราไม่ต้องการ ให้เข้ามาใน ไมค์ตัวนั้นๆด้วย

ดังนั้น pattern การรับเสียงของไมค์ เป็นเรื่องที่ต้องคิดคำนึงถึงมากๆ
ดังนั้นส่วนใหญ่จะเห็นว่า หลายๆคน ใช้ไมค์ที่มี direction ในการรับเสียงเป็นส่วนใหญ่
ยอดนิยมสุดๆ สำหรับ ชาว live sound ก็คือ cardioid patten เพราะรับเสียงด้านหน้าไมค์ เท่านั้น
ทำให้เราสามารถควบคุมได้ง่าย ว่าจะรับเสียง ทางไหน ก็หันหน้าไมค์ ไปทางนั้นครับ

และความทนทาน ในการทำงานไม่เสียหายง่าย ก็เหมาะแก่การทำงาน ดังนั้น Dynamic microphone จึงได้รับความนิยม
ในหมู่คนทำงาน live sound มากกว่า Condenser microphone ครับ

เอาละ มาถึง เลือกไมค์ได้แล้ว ทีนี้ จะจัดวาง ให้รับเสียงอย่างไร
คำตอบง่ายๆครับ ไมค์ ก็คือตัวแทนของ "หู" ของเครื่องเสียงนั่นเองครับ
ได้ยินอะไรมา ก็จะเอาไปขยายเสียง ดังนั้น เราก็ไปยืนฟัง เสียงเครื่องดนตรีชิ้นนั้นๆก่อน
ว่าเสียงนั้นดังออกมาจากไหน เราก็เอาไมค์ไปรับเสียงตรงนั้น ครับ

ข้อควรคำนึงในการวางไมค์ ในการทำงาน live sound
พยายามใช้เทคนิค close mic คือ เอาไมค์ ไปให้ใกล้ๆ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
จะได้ไม่ไปรับเสียงอื่นๆที่เราไม่ต้องการเข้าไปด้วยครับ

อย่างไรก็ตาม ไมค์เกือบทุกยี่ห้อจะสอนการใช้งานอยู่แล้วครับลองไปศึกษาเพิ่มเติมได้ครับ
http://www.shure.com/americas/how-to/index.htm
http://www.dpamicrophones.com/en/Mic-University.aspx
http://www.akg.com/site/powerslave,id,12,nodeid,12,_language,EN,country,EN.html


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ Mic

http://www.audixusa.com/docs/tech_support/glossary.shtml

ออฟไลน์ x-men

  • ผู้พัฒนาโปรแกรม
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *****
  • กระทู้: 4836
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #238 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:24:33 น. »

เพิ่งถึงบ้านสักครู่นี้เอง  ได้ของใหม่มา 3 คำซึ่งใช้บ่อยมากในวงการเครื่องระดับ อินเตอร์
มาลองทายกันว่าหมายถึงอะไร

        Jag JAG  ,  Lotus Jack  ,  Cynton  ท่านที่ไปอบรมห้ามเฉลยนาครับ




โอ้อันนี้ไม่รู้จักเลยจริง ๆ ครับถ้าเดาก็ขอเดาว่า แจ๊คดอกบัวตามอาจารย์ปู่ครับ   ;D

frog

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #239 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:26:42 น. »
อีกนิดนึง การมิ๊กซ์หรือการผสมเสียง หากเรียกชื่อผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนี้จริงๆแล้วเค้าจะเรียกว่า คน operreatter คือผู้ที่นำสัญญาณเสียงทุกเสียงจากด้านบนเวที มาสู่ผู้ชมด้านหน้าให้ได้สัญญาณเสียงที่เหมือนกับด้านบนเวทีให้มากที่สุด หากเราใช้สัญญาณจาก Output จาก Amp บางครั้งสัญญาณที่ได้ออกมาจะคลาดเคลื่อนจากเดิม แต่ในด้านกลับกัน หากใช้ไมค์จับหน้าตู้จะได้เสียงที่ตรงกว่า Output แต่ไมค์ที่ใช้ก็จะต้องเป็นไมค์จำพวก Condenser/ElectretMicrophone ที่มีความไวในการรับเสียงและให้ความเพี้ยนของเสียงน้อยที่สุด แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ต้องใช้ควบคู่ กับ DI BOX เพื่อควบคุบสัญญาณไปด้วยพร้อมๆกั




บางท่านอาจยังไม่รู้จักคำนี้ครับ operreatter ขอบคุณที่เพิ่มเติมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:34:51 น. โดย กีนิว »

ออฟไลน์ Amorn Pattaya

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • **
  • กระทู้: 8384
  • HL#4C89B630 , 6EE74894,789AC331 ( X-men )
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #240 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:27:32 น. »
การไปอบรม เป็นสิ่งที่ดีครับ ทำให้เรารู้ในสิ่งไม่รู้ สิ่งที่รู้ก็ได้ทบทวน สิ่งที่ลืมไปก็กลับมาอีก  อย่างเช่นการม้วนสายนี่เป็นหลักวิชาไฟฟ้าเลยครับ แต่ก็เกี่ยวเนื่องกับ สัญญาณ
เสียงโดยตรง ไฟฟ้าทำให้เกิดเสียง แต่ในทางกลับกัน ไฟฟ้าก็เป็นตัวทำลายสัญญาณเสียง ตัวร้ายเลยทีเดียวครับ ฉนั้นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไม่ควรมองข้ามครับ  สายลำโพง
สายสัญญาณ ต่าง หากไม่จำเป็น อย่าเอามาใกล้กับสายไฟ จะดีมากๆ ครับ หากฉนวนไม่ดีจะทำให้เกิดการกวนสัญญาณกันได้ครับ คุณภาพของเสียงก็จะด้อยลงไป :thank1:

ออฟไลน์ x-men

  • ผู้พัฒนาโปรแกรม
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *****
  • กระทู้: 4836
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #241 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:31:11 น. »
อีกนิดนึง การมิ๊กซ์หรือการผสมเสียง หากเรียกชื่อผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนี้จริงๆแล้วเค้าจะเรียกว่า คน operreatter คือผู้ที่นำสัญญาณเสียงทุกเสียงจากด้านบนเวที มาสู่ผู้ชมด้านหน้าให้ได้สัญญาณเสียงที่เหมือนกับด้านบนเวทีให้มากที่สุด หากเราใช้สัญญาณจาก Output จาก Amp บางครั้งสัญญาณที่ได้ออกมาจะคลาดเคลื่อนจากเดิม แต่ในด้านกลับกัน หากใช้ไมค์จับหน้าตู้จะได้เสียงที่ตรงกว่า Output แต่ไมค์ที่ใช้ก็จะต้องเป็นไมค์จำพวก Condenser/ElectretMicrophone ที่มีความไวในการรับเสียงและให้ความเพี้ยนของเสียงน้อยที่สุด แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ต้องใช้ควบคู่ กับ DI BOX เพื่อควบคุบสัญญาณไปด้วยพร้อมๆกั
(....)
(....)



ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับผม  :cheer:

frog

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #242 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:41:28 น. »
มาต่อกันอีกนิด กับการเลือกใช้ไมค์สำหรับชุดกลองครับ
.........ชนิดไมโครโฟน
.........แบ่งตามลักษณะของโครงสร้างวัสดุ ไมโครโฟนแบ่งออกได้เป็น 6 ชนิด ด้วยกันคือ
1) แบบคาร์บอน (Cabon mic) ทำจากผงถ่าน คุณภาพไม่ค่อยดี นิยมใช้กับเครื่องรับโทรศัพท์
2) แบบคริสตัล (Crystal mic) ใช้แร่คริสตัลเป็นตัวสั่นสะเทือน ทำให้เกิดพลังงานไฟฟ้า ไมโครโฟนชนิดนี้ไม่ทนต่อสภาพของอุณหภูมิและความชื้น ราคาถูก
3) แบบเซรามิค (Ceramic mic) คล้ายแบบคริสตัล แต่มีความทนทานสูงกว่า นิยใช้ติดตั้งกับเครื่องยานพาหนะ
4) แบบคอนเดนเซอร์ (Condenser mic) ใช้คอนเดนเซอร์ เป็นตัวสร้างความถี่ เพื่อทำให้เกิดสัญญาณขึ้น แต่ต้องอาศัยแบตเตอรี่ เป็นตัวช่วยในการทำงาน คุณภาพเสียงดี เบาเล็กกระทัดรัด
5) แบบไดนามิค (Dynamic mic) ใช้แม่เหล็กถาวร และมีขดลวด (moving coil) เคลื่อนไหวไปมาในสนามแม่เหล็ก ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำ และเกิดกระแสไฟฟ้าไหลในวงจร คุณภาพของเสียงดี มีความคงทน เหมาะที่จะใช้งานสาธารณะ
6) แบบริบบอน (Ribbon mic) ใช้แผ่นอลูมิเนียมเบา บางคล้ายกับริบบิ้น จึงต้องอยู่ระหว่างแม่เหล็กถาวรกำลังสูง เมื่อคลื่นเสียงมากระทบกับแผ่นอลูมิเนียม จะสั่นสะเทือนและเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น ไมโครโฟนชนิดนี้จะมีราคาแพง มีคุณภาพดีมาก มีความไวสูง แม้แต่เสียงหายใจ ลมพัด จะรับเสียงได้ เหมาะที่จะนำไปใช้ในห้องส่งวิทยุโทรทัศน์-บันทึกเสียง
......แบ่งตามทิศทางของการรับเสียง
1) แบบรับเสียงได้ทิศทางเดียว (Uni-Directional mic) รับเสียงได้ทิศทางเดียวคือด้าน หน้า มีมุมรับเสียงค่อนข้างแคบ เหมาะที่จะนำไปใช้สำหรับการบรรยาย การบันทึกเสียง วงดนตรี หรือที่ที่ผู้พูดอยู่ด้านหน้าไมโครโฟน
2) แบบรับเสียงได้ 2 ทิศทาง (Bi-directional mic) รับเสียงได้ 2 ทิศทางที่อยู่ตรงข้างกัน
3) แบบรับเสียงได้รอบทิศทาง (Omni-directional mic) รับเสียงได้รอบทิศทาง โดยมี ความไวในการับเสียงเท่าๆ กัน เหมาะสำหรับใช้ในการแสดงบนเวที แต่มีข้อเสียคือ เสียงจะเข้ารอบทิศทาง ป้องกันสัญญาณย้อนกลับ (Feed back) ได้ยาก
4) แบบรับเสียงบริเวณด้านหน้ารูปหัวใจ (Cardioid mic) รับเสียงได้ทิศทางเดียว แต่สามารถรับเสียงได้เป็นมุมกว้าง คล้ายรูปหัวใจหรือใบโพธิ์ นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน
..... แบ่งตามลักษณะการใช้งาน
1) แบบตั้งโต๊ะ (Desk mic) ใช้เสียบบนขาตั้ง วางบนโต๊ะ หรือตั้งพื้นตรงหน้าผู้พูดโดยที ผู้พูดไม่ต้องเคลื่อนไปมา
2) แบบมือถือ (Hand mic) ใช้สำหรับนักร้อง นักโฆษณา
3) แบบห้อยคอ (Lavalier mic) มีขนาดเล็ก ใช้เสียงติดกับคอเสื้อ-กระเป๋าเสื้อ หรือเนค ไท นิยมใช้ในการทำรายการโทรทัศน์
4) แบบบูม (Boom mic) ติดอยู่บนแขนยาว ๆ อยู่เหนือศีรษะผู้พูดสามารถเสื่อนตามผู้ พูด หรือผู้แสดงไปได้ตลอด นิยมใช้ในห้องผลิตรายการโทรทัศน์ และห้องบันทึกเสียงการแสดง
5) แบบบิง (Bing mic) ใช้ตั้งโต๊ะอยู่กับที่โดยไม่เคลื่อนย้าย
6) แบบไม่มีสาย (Wireless mic) เป็นเครื่องส่งวิทยุระบบ F.M ขนาดเล็กกำลังส่งต่ำ ใช้กับเครื่องรับวิทยุระบบ F.M ส่งคลื่นไปได้ไกล ประมาณ 50-200 เมตรเท่านั้น
.......การเลือกใช้ Microphone
ในเรื่องของไมโครโฟนจะมีสองส่วนใหญ่ ส่วนแรกคือวิธีเลือก(choosing) กับวิธีวาง(placing)
ซึ่ง ทั้งสองส่วนมีความสำคัญมากไม่แพ้กันถ้าเข้าใจสองส่วนนี้แล้วก็สามารถพูดได้เลยว่าทำงานบันทึกเสียงโดยใช้ ไมโครโฟนได้อย่างมีชั้นเชิง

ในตอนนี้เราจะมาว่ากันถึงส่วนแรกก่อนคือวิธีเลือก (choosing)
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับไมโครโฟนซักนิดก่อนครับ

ไมโครโฟน เป็นอุปกรณ์บันทึกเสียงชนิดหนึ่งที่ไม่ได้ทำให้เสียงดังขึ้น
หน้าที่ของไมโครโฟนที่จะทำให้เสียงวิ่งอยู่ในลวดทองแดง ได้ เพราะสิ่งที่จะวิ่งอยู่ในลวดทองแดงหรือพวกสายเคเบิลได้คือไฟฟ้า ซึ่งไมโครโฟนจะเปลี่ยนสัญญาณเสียงที่มันได้รับเป็นสัญญาณไฟฟ้า พอเสียงกลายเป็นสัญญาณไฟฟ้าก็วิ่งไปมาในระบบได้เต็มที่และสุดท้าย สิ่งที่จะเปลี่ยนไฟฟ้ากลับมาเป็น เสียงอีกครั้งเพื่อให้เราได้ยินก็คือลำโพงเพราะฉะนั้นไมโครโฟนกับ ลำโพงส่วนประกอบของมันจริงๆแล้วหลักการก็คล้ายกันมากเพียงแต่ต่อมันกลับหัว กลับหางเท่านั้นเอง

ดังนั้นถ้าเราเอาไมโครโฟนมาตัวหนึ่งแล้วลองพูด ดูถ้าเป็น Dynamic Microphone (ไมโครโฟนที่ทำงานโดยไม่ต้องใช้ไฟ) มันจะมีไฟออกมาทางก้นไมโครโฟนทันทีแต่ไม่ต้องกลัวถูกไฟดูดหรอกครับเพราะขนาด ไฟที่ออกมามีขนาดน้อยมากๆไม่มีทางดูดใครได้

บางท่านอาจจะแย้งว่าเคยถูกไมโครโฟนดูดเป็นประจำเวลาเอาปากไปร้องใกล้ๆ


อัน นั้นไม่ใช่ไฟที่ออกมาจากไมโครโฟรครับมันมักจะเป็นไฟที่รั่วมาจากอุปกรณ์ ตัวอื่นๆมากว่า เช่น พวกพาวเวอร์แอมป์เป็นต้น สัญญาณที่ได้จากไมโครโฟนนั้นยังไม่พร้อมที่จะนำไปบันทึกเสียงหรือออกกระจาย เสียงครับเนื่องจากสัญญาณมันเบามาก ต้องมีตัวขยายเสียงอีกทีหนึ่งไอ้เจ้าตัวที่มาขยายสัญญาณจากไมโครโฟนก็คือ ปรีไมโครโฟน ( Pre Microphone Amplifier ) เมื่อสัญญาณที่ได้จากไมโครโฟนถูกขยายแล้วก็สามารถลงไปซาวด์การ์ดได้เลยหรือ พูดง่ายๆคืออัดได้เลยครับ

ปรีไมโครโฟนนี้มีหลายที่ครับ ซาวด์การ์ดบางรุ่นก็มี (ช่องที่ให้เสียบไมค์นั่นละครับคือปรีไมค์) มิกซ์เซอร์ก็มีครับแต่ถ้าจะให้คุณภาพดีที่สุดควรจะเป็นปรีไมค์ที่เป็นแร็ค อยู่ด้านนอกครับคุณภาพก็ตามราคา

หลังจากที่พูดถึงการ ทำงานของไมโครโฟนเบื้องต้นมาพอสมควรแล้วผมขออนุญาติ แบ่งไมโครโฟนออกเป็น 2 ประเภทเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจแล้วกันนะครับ

1.Dynamic Microphone
 
เป็น ไมโครโฟนที่ไม่ต้องใช้ไฟคือตัวมันเสียบเข้าปรีไมค์แล้ว Boost เสียงก็ดังทันทีเลย ธรรมชาติของไมโครโฟนประเภทนี้มักจะไม่ค่อยไว เหมาะสำหรับจับเสียงตู้แอมป์กีตาร์ แอมป์เบส เสียงกระเดื่อง กลองทอม ไม่นิยมที่จะใช้จับ Ambient (บรรยากาศห้อง) , เสียงร้อง , เสียงกีตาร์อคูสติคหรือเครื่องอคูสติค ทั้งหลายเนื่องจากไม่ไวพอ ยกเว้นเครื่องเป่าบางขนิดที่เสียงดัง เช่น แซ็คโซโฟน , ทรัมเป็ต ส่วนพวกฉาบและไฮแฮท (เครื่องทองเหลือง) ไม่นิยมจับด้วย Dynamic Microphone เนื่องจากไมโครโฟนกลุ่มนี้ไม่ค่อยตอบสนองย่านความถึ่ช่วงสูงได้ดีนัก

2.Condenser Microphone

อัน นี้เป็นไมโครโฟนที่ต้องใช้ไฟครับ แต่มันจะใช้ไฟเพียงแค่ 48 volt เราจะเรียกว่า Phantom (หรือใช้สัญลักษณ์ +48V) ซึ่งหากจะใช้ไมโครโฟนประเภทนี้ต้องมี ไอ้เจ้าไฟ +48 V ด้วยครับ ซึ่งไมโครโฟนที่ใช้ไฟพวกนี้จะมีความไวสูงมากครับคือเสียงเบาๆมันก็รับไปหมด ซึ่งเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียครับ คือ มันจะให้รายละเอียดที่มากและยังสามารถรับความถี่สูงได้ดีอีกด้วย สามารถเอามาจับบรรยากาศห้องก็ได้เพราะมันไวพอ หรือจะเอามาจับเครื่องอคูสติกก็เยี่ยมครับ แต่ข้อควรระวังก็มีครับคือเนื่องจากความไวของมันนั่นเองทำให้ไม่เหมาะที่จะ นำไปใช้กับสถานที่ที่มีเสียงรบกวนสูง และไม่สามารถที่จะนำไปวางใกล้ๆกับอุปกรณ์ดนตรีที่มีเสียงดังมากๆได้ เช่นพวกตู้แอมป์ต่างๆ (แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สามารถจับตู้กีตาร์ได้นะครับเพียงแต่ต้องระวัง เป็นอย่างมากและต้องรู้เทคนิคเล็กน้อย)
......หลัง จากที่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดของไมโครโฟนแล้วมีอีกเรื่องที่สำคัญมากๆ ต่อการเลือกใช้ไมโครโฟน คือ ขนาดของ Diaphragm (คือ ขนาดของแผ่นรับเสียงที่ไมโครโฟน ต้องขออภัยครับที่ไม่สามารถแปลคำว่า Diaphragm เป็นภาษาไทยได้เพราะไม่ทราบจริงๆว่ามันแปลเป็นไทยว่าอะไรถ้าท่านใดทราบก็ เมลล์มาบอกกันได้นะครับ) ไมโครโฟนที่ Diaphragm ใหญ่ (Large Diaphragm) จะตอบสนองต่อความถี่ต่ำได้ดีกว่า ไมโครโฟนที่ Diaphragm เล็ก (Small Diaphragm) ส่วนความถี่สูง Diaphragm เล็กจะตอบสนองได้ชัดเจนกว่าแต่ Diaphragm ใหญ่ก็ตอบสนองได้ครับ แต่เนื่องจาก Diaphragm ใหญ่จะให้ความถี่ต่ำด้วยบางครั้งเลยทำให้ดูเหมือนว่ามันตอบสนองความถี่สูง ได้ไม่ชัดเจนเท่า Diaphragm เล็ก สรุปว่าสำหรับความถี่ต่ำ สมควรถูกจับด้วย Diaphragm ใหญ่เท่านั้น ส่วน ความถี่สูงจะจับด้วย Diaphragm เล็กก็ได้ใหญ่ก็ได้แต่จะได้สำเนียงต่างกัน

ขอสรุปการเลือกใช้ ไมโครโฟนตามมาตรฐานตามขนิดเครื่องดนตรีเพื่อเป็นแนวทางการเลือกซื้อเลือกใช้ (ไมโครโฟนที่ยกเป็นตัวอย่างเป็นไมโครโฟนที่ทั่วโลกนิยมใช้กัน บางตัวราคาอาจสูงมากลองเอาชื่อไมโครโฟนเหล่านี้ไป Search ดูเล่นก็ได้ครับจะเห็นรายละเอียดอีกมากมาย)

- Bass Drum ควรจับด้วย Large Diaphragm Dynamic Microphaone รุ่นที่นิยมได้แก่ AKG D112 , Electrovoice RE20 , Shure
 
- Snare ควรจับด้วย Dynamic Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ Shure SM57

- Tom ควรจับด้วย Large Diaphragm Dynamic Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ Sennheizer MD421 (สำหรับ Tom ใบเล็กบางท่านอาจนิยมจับด้วย Shure SM57 สำหรับ Floor Tom บางท่านอาจนิยมจับด้วย Electrovoice RE 20)
 
- Hihat ควรจับด้วย Condensor Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ AKG 414 , AKG 451 , Neumann KM 184
 
- Overhead ควรจับด้วย Condensor Microphone รุ่นที่นิยมได้แก่ Neumann U 87 , Neumann KM 184 , AKG 451
 
- Amp Bass ควรจับด้วย Large Diaphragm Microphone จะเป็น Dynamic หรือ Condensor ก็ได้ แต่ถ้าเป็น Condensor ควรจะวางห่างออกมาซักประมาณ 1 ฟุต รุ่นที่นิยมได้แก่ Electrovoice RE 20 , AKG D112 , Neumann U 87 , AKG C12

ขอบคุณที่ช่วยเพิ่มเติมครับ  บอกที่มานิดนึงก็ดีนะครับ
จากที่นี่ครับท่าน http://www.oknation.net/blog/electricalclub/2010/04/07/entry-2 ส่วนมากแล้วก็จะมีอยู่ใน  Sound Reinforcement ครับ แต่ต้องแปลเอา ส่วนการใช้งานจริง ต้องแล้วแต่หน้างานครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 15:08:59 น. โดย frog »

keenew

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #243 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 10:45:59 น. »
็One Two One Two มันมีความหมายอะไรหว่า หรือว่าเห็นเค้าพูดกันเลยพูดตาม หรือว่ามันไม่มีความหมาย ลองช่วยกันตอบดูครับ
ท่านที่ไปอบรมรอเฉลยอยู่ครับ  ;)

ออฟไลน์ มะละกอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4291
  • 7C06BEF5 จาก X-Men
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #244 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 11:31:15 น. »
ควันหลงจากการจัดงานแสดงสดของศิลปินต่างชาติในเมืองไทยครั้งหนึ่ง เมื่อซาวด์เอ็นจิเนียร์ฝรั่งถามหา แจ๊ค RCA จากพนักงานคนไทย 
แต่อะไรก็ตามหลังจากซุบซิบปรึกษากันแล้วก็เข้าไปบอกนายหัวแดงคนนั้นว่า 
RCA โน แฮฟ   บัท ไอ แฮฟ  โลตัส แจ๊ค อาฮะ อาฮะ

Jack Jack  หมายถึง ทวีทเตอร์  ครับ

คำที่เหลือเอาใว้ใช้กับ คนจัดงาน พวกโปรดิวเซอร์บ้าง  หรือมือที่สามที่ชอบสอดรู้และชอบเสนอแนะ บางที่ก็เจ้าภาพ 
คือเขามองภาพที่สวยงามอย่างเดียว  ต้องตั้งลำโพงตรงนั้นซิหลบไปอยู่มุมนั้นเลย เดี๋ยวมันบังท่านประธาน 
ได้ครับท่านแต่เสียงมันจะไม่ดีนะบอกก่อน 
ได้ไม่เป็นไร  พองานเริ่ม  อ้าวทำไมเสียงไม่ดีละ คนคุมเครื่องอยู่ไหน
ท่านประธานบอกเสียงไม่ดีนะ

นึกในใจ  ก็ กะรู บอก มะรึงแล้ว ไง ไอ้  Cynton (ซิ่นตน)  ห้ามผวนนะครับ

ออฟไลน์ Batman

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 16546
  • 748AAC77,448AB84C,54095318,7660DAE5,97606B15,47C5E
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #245 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 11:35:37 น. »
็One Two One Two มันมีความหมายอะไรหว่า หรือว่าเห็นเค้าพูดกันเลยพูดตาม หรือว่ามันไม่มีความหมาย ลองช่วยกันตอบดูครับ
ท่านที่ไปอบรมรอเฉลยอยู่ครับ  ;)
One ใช้ทดสอบความถี่ Mid-Hi
Two ใช้ทดสอบความถี่ Low ว่าดัง ปั๊บๆ หรือเปล่า

ผิดถูกชี้แนะด้วยครับ เพราะไม่เคยใช้เรยยย
 :party:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 12:02:24 น. โดย Batman »

ออฟไลน์ อนันตชัย ระยอง

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • **
  • กระทู้: 16326
  • x-men : 7485488C , 7C842C7A, 12347732
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #246 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 12:16:22 น. »
ทำไมไม่ควรใช้ไมค์ 2 ตัวในตำแหน่งเดียวกัน...ผู้เข้าอบรมนิ่ง ๆ ไว้ก่อนนะครับ

ออฟไลน์ montrevej

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 174
  • HL#: 95E25311 อนันตชัย
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #247 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 12:32:50 น. »
ชอบครับ ชอบๆ
ที่พี่ๆทุกท่านที่เสียสละเวลาถามคำถามแบบนี้
เหมือนได้ทำการบ้านเลยครับ
บางอย่างก็เกือบๆลืม เห็นรูปปุ๊ปจำได้เลย
บางอย่างยังไม่ค่อยเข้าใจ พอดูนานๆ ก็เข้าใจ
ขอบคุณมากๆเลยครับ

ออฟไลน์ โกวิท ไปนำกันเด้อ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 5506
  • HL#851E9551
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #248 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 13:02:16 น. »
ตามอ่านซะปวดตาเลย
เอาอีกๆๆๆรออ่าน

ออฟไลน์ มะละกอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4291
  • 7C06BEF5 จาก X-Men
Re: เชิญท่านที่สนใจด้านเครื่องเสียงเข้าอบรม Pro Audio Trainning 27 ก.พ.
« ตอบกลับ #249 เมื่อ: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 13:13:02 น. »
เอาความเข้าใจ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ก็ได้มาเล่าสู่กันฟัง เป็นความเข้าใจที่มีทุนเดิมอยู่บ้างบวกกับของใหม่ที่ได้มาปนเปกันไปนะครับ  
ผิดถูกอย่างไรช่วยกันท้วงติง  ถือคติ  คนเดียวหัวหาย  สองคนเพื่อนตาย  สามคนกลับมาได้  ท่านใดเคยอ่าน พล นิกร กิมหงวน คงจำได้ครับ

เราดูทีวี ฟังวิทยุ  โทร.มือถือ เป็นผลที่มาจากคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า หรือคลื่นวิทยุ
ส่วนเสียงเพลงที่ดังจากลำโพงให้เราได้ยิน เป็นคลื่นเชิงกล ที่อาศัยอากาศเป็นตัวนำ หลักการคือการผลักอากาศออกไปเป็นทอด ทอด เหมือนคลื่นน้ำครับ  
อากาศที่เขย่าเป็นทอดนี้ เมื่อหูได้รับ อวัยวะภายในหูจะทำงานตามหน้าที่แล้วส่งอาการรับรู้ทั้งหมดไปให้สมองประมวลผล
กลายเป็นการได้ยินเสียงต่างๆ ซึ่งอยู่ระหว่างย่านความถี่ 20 – 20000 Hz

คลื่นที่ว่าเมื่อหลุดจากปากคนหรือดอกลำโพง จะแผ่ขยายออกเป็นวงกลม เหมือนคลื่นที่เกิดจากการโยนก้อนหินลงน้ำ
ลักษณะการเกิดจากจุดเริ่มของลูกคลื่นจะหมุนวนไปทางขวามือหรือตามเข็มนาฬิกา วนกลับมาพบที่จุดแรก ทั้งหมดคือครบ 360 องศา เรียกว่า 1 ไซเคิ้ล (ดูจากภาพที่เป็นวงกลม)
จุดสูงสุด คือ 90 องศา บางทีเรียกว่า Amplitude หมายถึงความดังสูงสุดขณะนั้น มาที่ 180 องศา ความดังจะเท่ากับจุดเริ่มต้น วนไปที่ 270 องศา จนครบ 360 องศา

        
Thanks: ฝากรูป dictionary

จำกันให้ได้นะครับ คลื่นหมุนวนไปทางขวา หนึ่งลูกคลื่นต้องครบ 360 องศา

มาดูภาพถัดไป ที่เห็นรูป Curve หรือเส้นโค้งครึ่งวงกลม ด้านขึ้น เป็นบวก ด้านลงเป็นลบ ครบ 360 องศา  
ด้านบวกถ้าเอามาเกี่ยวกับเสียง จะขอเรียกว่า อินเฟส ( In Phase) ด้านลบจะเรียกว่า กลับเฟส (Out of phase)

ทีนี้มาดูกัน ถ้ามีนักดนตรี 2 คน เล่นพร้อมกันเช่น กีตาร์ และคีย์บอร์ด  เสียงผ่านมิกซ์   เข้าแอมป์ออกลำโพง เพียงดอกเดียว  
จะมีคลื่นเสียงดนตรี สองคลื่นดังตามย่านความถี่ไม่เหมือนกัน คือย่านความถี่ของเสียงกีตาร์และเสียงคีย์บอร์ด  
ดังนั้นทั้งสองเสียงดังจากลำโพงดอกเดียวเริ่มจากจุดเดียวกัน เกิดคลื่นความถี่ 2 ย่าน ถ้าวาดรูปก็จะเห็นเป็น เส้นโค้ง 2 เส้น
เกิดขึ้นจากจุดเดียวกันเส้นโค้งขึ้นลงคล้ายกัน เกิดภาวะที่เรียกว่า อินเฟส คลื่นแต่ละย่านความถี่จะมีความยาวคลื่นไม่เท่ากัน ณ จุดที่เป็นจุดพีคของทั้ง สองเสียงดนตรี
ผู้ฟังที่นั่งบริเวณนั้นจะได้รับฟังดนตรีที่สมบูรณ์ คือ ดังชัดเจน

แต่ถ้าบังเอิญ อยากใช้ลำโพงเพิ่มซัก 2 ดอกเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งแค่จุดกำเนิดเสียงจะกลายป็น 2 จุด จะเกิดอะไรตามมาคงพอเดาได้.....

แค่นี้ก่อนนะครับรู้สึกมึนหัวและไอบ่อยขอพักก่อนครับ

เสริมอามะละกอนิดนึงครับ สังเกตุการวางรูปแต่ละรูป สเกลการวางจะตรงกันครับ เช่น 90องศาของวงกลมก็จะไปตรงกับ90องศาของ 1 circle เป็นต้นครับ ลองมองดูให้เป็นรูปเดียวกันแล้วลองไล่ดู จะเข้าใจง่ายขึ้นครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 2 มีนาคม 2011, 13:27:28 น. โดย กีนิว »