ตามมาตรฐาน General MIDI
MIDI Note ที่แทนเสียงสแนร์ มีแค่ 2 โน้ต คือ 38 และ 40
ถ้าคิดแบบง่ายๆ สุด
ผมเอา ไฟล์ wav ไฟล์เดียว มาทำเป็น เสียง สแนร์ ทั้ง โน้ตเบอร์ 38 และ 40 ก็ได้ ใช่มั๊ยครับ
ถ้าดีขึ้นมาหน่อย ก็ 2 ไฟล์
คือ ไฟล์นึง สำหรับ โน้ตเบอร์ 38 อีกไฟล์นึง สำหรับโน้ตเบอร์ 40
แต่อย่าลืมว่า......
MIDI สามารถ มี program ได้ 128 โปรแกรม
พูดง่ายๆ ก็คือ มีเสียงกลองได้ 128 ชุด
และ นอกจากนั้น ยังมี "คลัง" ของชุดเสียง (คลังของโปรแกรม) ได้อีก 128*128 ชุด
คิดดูนะครับ
คิดเล่นๆ ต่อ จำนวน ชุดกลอง ที่มากที่สุด ที่เล่นในระบบมิดี้ได้
จำนวนคลัง สูงสุด 128*128 = 16384 คลังเสียง
แต่ละคลังเสียง สามารถมีชุดกลองได้ 128 ชุดกลอง
สรุปว่า ตอนนี้ มีได้ทั้งหมด 2,097,152 ชุดกลอง
ถ้าแต่ละชุดกลอง ท่านใช้ ไฟล์ wav แทน เสียงสแนร์ 2 ไฟล์ คือ สำหรับ โน้ตเบอร์ 38 และ 40
ท่านต้องใช้ไฟล์เวฟกี่ไฟล์
????
เอาล่ะ ครับ วนกลับมา
ในความเป็นจริง คงไม่มีใครคิดทำซาวน์ฟอนต์ครอบจักรวาลขนาดนั้น
เค้าไม่ได้ไปสนใจเรื่องของ ชุดกลอง กันมากเท่าไรครับ
ส่วนเรื่อง คลังเสียง หรือ bank แต่ก่อนก็ทำไว้แบงค์เดียว
แต่ด้วย เทคโนโลยีของ xtreme :em07: :em07: :em07: :em07:
ทำให้เรา แหกคอก ไปเล่นเสียงที่ แบงค์อื่น ทำให้เราสามารถ เปลี่ยนเสียง กระเดื่อง สแนร์ ได้
แต่นั่น ก็หมายความว่า ซาวน์ฟอนต์ท่าน ก็ต้องทำเสียงไว้หลายๆ คลัง
และ นั่น ก็ยังไม่ใช่ คำตอบ สำหรับ คำถาม นี้ นะครับ
ย้อนกลับมาเรื่องพื้นฐาน มิดี้
การเล่นกลอง นิ่ มันจะรับโน้ต มาจากมิดี้ แล้วสั่งเล่นเสียง
เช่น รับคำสั่งเล่นโน้ตเบอร์ 38 มา มันก็จะเอาเสียงสแนร์มาประมวลผลแล้วเล่นออกไป
แต่ อย่าลืมว่า มันยังมี "ความดัง" หรือ velocity ในการเล่นโน้ตแต่ละตัวอีกด้วย
ตั้งแต่ระดับ 000-127 มีได้ 128 ระดับ พูดง่ายๆ ก็คือ มันสามารถตีดังตีค่อยได้ 128 ระดับ
ถ้าเรา อัดเสียงกลอง จากเสียง ตีเบาๆ ไปหา เสียงตีหนักๆ ก็จะได้ไฟล์แซมเปิลหลายๆ ไฟล์
แล้วเอา ไฟล์นั้น มาแมป ใส่ซาวน์ฟอนต์ ให้มันเล่น ตามน้ำหนักการตี
อย่างเช่น ความดัง 118-127 ให้เป็นเสียง โป้ะๆๆ
ความดัง 100-117 ให้เป็นเสียง โจ้ะ
70-99 ให้ดัง แต๊ก
ต่ำกว่า 70 ให้ดัง แป้ะๆ
ซึ่งทั้งหมด มันคือ กฎเกณฑ์การเลือกเสียงมาเล่น ตามระดับความดัง
ส่วนวอลุ่มที่ออกมา มันก็จะถูกคำนวณอีกที
:em03: :em03: :em03: :em03: :em03: