eXtreme Community
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: pompattaya ที่ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2015, 01:51:39 น.
-
ผมจั่วหัวเป็น ออดิโอ คอมเพรสเซอร์ ก็เพราะว่าเราจะพูดถึงคอมเพรสเซอร์ในระบบเสียง
ไม่ใช่คอมเพรสเซอร์แอร์ หรือ คอมเพรสเซอร์ตู้เย็น โดยที่ตอนนี้เราจะมาว่ากันแบบง่ายๆกันก่อน
ว่ามันคืออะไร ใช้ยังไง ใช้กับอะไร ใช้ขนาดไหน จะยกข้ามทฤษฎี Dynamic range compression
ซึ่งมากมายพอสมควรเลยทีเดียวเชียว
คอมเพรสเซอร์ ต้องนับว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งในระบบเสียงแบบอาชีพในยุคนี้
มันเป็นเครื่องมือที่ควบคุมช่องระยะไดนามิกของอุปกรณ์อินพุท (กีตาร์ เสียงร้อง เปียโน เบส กลอง ฯลฯ)
เมื่อเราทำซาวด์บางทีเราจะสังเกตได้ถึงความแตกต่างน้ำหนักของแต่ละเพลง แต่ละสไตล์
ก็เพราะมันเป็นแบบนี้ เจ้าคอมเพรสเซอร์ถึงเข้ามามีบทบาทเป็นผู้ช่วยได้อย่างดี
เราก็ใช้มันเพื่อเพิ่มน้ำหนักกระแทกกระทั้นให้เครื่องดนตรีบางชิ้น
รวมทั้งการดึงซาวด์ให้เครื่องดนตรีบางชิ้นที่ซาวด์บางจ้อยให้ขึ้นมารวมแถวกับเครื่องอื่นที่ซาวด์ดีและหนาอยู่แล้วได้
และเจ้านี่มันยังช่วยเพิ่มความกังวานสดใสให้เครื่องดนตรีบางอย่างเช่นกีตาร์ รวมถึงเสียงร้องด้วย
มันก็ยังช่วยเพิ่มความกระจ่างฟุ้งฟริ้งให้กับสัญญานต้นเสียงจริงได้อีก
การปรับแต่งเจ้าคอมเพรสเซอร์มันก็สามารถทำให้เราสับสนได้ประมาณหนึ่งเชียวละ
แต่เชื่อเหอะพอเข้าใจส่วนผสมที่จะต้องใช้กับมันมากขึ้นสักหน่อย จะบอกว่า โนพรอมแพรม (ไม่มีปาหัน ปัญหา)
(http://upic.me/i/wz/2download.jpg) (http://upic.me/show/54469878) (http://upic.me/i/i7/0download1.jpg) (http://upic.me/show/54469881) (http://upic.me/i/b5/1images3.jpg) (http://upic.me/show/54469882)
(http://upic.me/i/ik/40images.jpg) (http://upic.me/show/54469883) (http://upic.me/i/s7/8images1.jpg) (http://upic.me/show/54469887)
-
:happy: :happy: :D
-
ก่อนจะไปต่อ ต้องขอออกตัวก่อน ไอ้พวกอุปกรณ์เหล่านี้ ผมก็ไม่ใช่เทพที่จะใช้จะปรับมันได้แบบร้อยเปอร์เซนต์
แต่มีมันและต้องการจะใช้มัน ก็ศึกษาค้นคว้า ตอนนี้ใช้มันได้แล้วก็มาแบ่งปันสิ่งที่ค้นคว้ามา และสิ่งที่ได้จริงจากการใช้จริง
ผมก็เคยทำเหมือนเจ้า อ๊อฟ คลองสามวา หรือหมอนพ ที่เอาไว้แค่ปิดรูว่างในแร็ค ตอนที่เขาฮิตกัน ผมไปหามาตัวหนึ่ง
ของดี เมดอิน ยูเอสเอ ยี่ห้อ RANE ราคาหลายหมื่นที่เดียว เกือบจะเท่ากับราคาดิจิตอลมิกเซอร์ตอนนี้เลยมั้ง
ทั้งที่ใช้ได้แค่ สองแชนแนลเอง อยู่โชว์ว่าฉันก็มีเกือบสิบปี ตอนนี้ยกให้นายยอดไปแล้ว ยอมรับว่าใช้ไม่เป็นจริงๆตอนนั้น
(http://upic.me/i/fg/rane-dc24-01.jpg) (http://upic.me/show/54470071)
-
:o^:รอๆๆๆ
-
อีกหนึ่งคะแนนเสียงครับ :D
-
+1 :thank1:
-
รอครับ :th2: :thank1:
-
:th2: :thank1:
รอครับ
-
ก่อนจะถึงยุคดิจิตอลมิกเซอร์ ไอ้เจ้านี่ต้องซื้อแยกมาใช้ ราคาก็ไม่เบาเชียว มันก็มีคำถามว่าจะใช้กี่ตัว
แต่ตอนนี้มันยุคดิจิตอลมิกเซอร์ มีมาให้อุดมสมบูรณ์ ทุกช่อง ยันเมนเอาพุท คำถามก็น่าจะเป็นว่าใช้สักกี่ช่องดี
สำหรับท่านที่มีแค่ตัวเดียวใช้แค่สองช่องก็จะต้องเลือกว่าเท่าที่มีควรใช้กับตรงไหน
จะให้สุดติ่งกระดิ่งแมว ก็หามันมากที่สุดเท่าที่เราหามาใช้ได้ การเลือกใช้ดิจิตอลมิกเซอร์จึงเป็นทางเลือกที่ดี มันมีมาให้เยอะแยะ
ถ้าเรามีใช้เพื่อคอมเพรสกับทุกเครื่องมือ กับทุกแชนแนลเสียงร้อง เราก็ทำให้ซาวด์ออกมาเนียนเสมอกัน
การควบคุมได้ทุกเครื่องมือทุกเส้นเสียงเป็นสุดยอดปารถนาของซาวด์เอนจิเนียทุกคนอยู่แล้ว
แต่อย่างที่บอกถ้าเราไม่สามารถทำหลายๆช่อง เราก็ต้องคอมเพรสอันที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับแรก
ถ้ามีแค่สองช่อง(สำหรับผม)จะเริ่มอย่างแรกเลยที่เสียงร้องนำ วิธีนี้ก็คือได้คอนโทรลส่วนสำคัญที่สุดของเนื้องานที่กำลังทำ
เครื่องมือชื้นอื่นที่จะเริ่มต้นด้วยถ้าไม่เป็นกลองก็กีตาร์ ทั้งสองเครื่องมือนี้มีเนื้อที่เป็นทั้งไฮและโลว์ที่จำเป็นต้องคอนโทรล
สำหรับท่านที่มีคอมเพรสเซอร์พ่วงนอกตัวเดียว มีทางเลือกให้ทำได้แค่หนึ่งเดียวจากสอง
คือจะคอมเพรสช่องที่เป็นตัวเอกของงานได้สองช่อง หรือจะไปคอมเพรสรวมที่สัญญานจากเมนเอาท์พุท
-
The Compressor
คอมเพรสเซอร์ คอนโทรลแบบเดียวกับเกท(Gate จะมารู้จักกันในบทต่อไป) ก็คือมันจะมี Threshold, Ratio, Attack, Release,
เธรชโฮลด์ เรโช แอ็ทแท็ก รีลีส และอันสุดท้ายเอ้าพุท โดยแต่ละคอนโทรลจะส่งผลถึงตัวต่อไป
Threshold เธรชโฮลด์ เป็นจุดกำหนดที่คอมเพรสเซอร์เริ่มกระบวนการลดทอนระดับสัญญานเสียง
ควรเริ่มต้นจากค่าศูนย์แล้วปรับจากจุดนี้ ตัวอย่าง ถ้าตั้งค่าเป็น -10 คอมเพรสเซอร์จะเริ่มไวขึ้นกว่าที่ค่าศูนย์
เมื่อเริ่มคอมเพรสไวขึ้นเราก็จะคอนโทรลเสียงได้มากขึ้น เราก็หาจุดที่เราต้องการเริ่มคอมเพรสว่าจะดีที่สุดตรงไหน
Ratio เรโช ก็คืออะไรที่กำหนดค่าคอมเพรสว่าเท่าไหร่ เมื่อสัญญานทะลุผ่านจุด Threshold มาแล้ว
มันจะไม่มีการคอมเพรสที่ค่า 1:1 เพราะว่า 1DB ของสัญญานอินพุทเท่ากับ 1DB ของซาวด์
เอาละเราเปลี่ยนตรงนี้เป็น 3:1 มันก็หมายถึงเราให้ 3DB ของซาวด์เท่ากับ 1DB ของเอ้าพุท
จุดเริ่มที่ดีของสัญญาณอินพุทเสียงร้องนำคือ 4:1 ถ้าเรายิ่งเพิ่มค่า Ratioมากขึ้นเท่าไหร
เจ้าคอมเพรสเซอร์ก็จะกลายเป็นลิมิตเตอร์ไปตามค่าที่เพิ่ม สุดท้ายไม่ว่าเราให้ค่ามากขนาดไหน
หรือหมุนปุ่ม(แบบเก่า)จนสุดลูกบิด มันก็จะมีจุดลิมิตค่าอินพุทเพื่อทำให้ได้ 1DB ของเอ้าพุท
-
รอความรู้ต่อครับ :th2: :th2:
-
กำลังอยากรู้วิธีการใช้อยู่พอดีเลยอ่ะครับ รอ ๆ ๆ
:D :D :D
-
ถ้าลงรูปการต่อ คอมเพรสเซอร์ ผ่านมิกเซอร์ ให้เห็นภาพ
จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ :happy:
-
ความรู้ล้วนครับ :thank1: :thank1: :thank1: :thank1: :thank1:
-
Attack กำหนดความเร็วที่จะเข้าคอมเพรสเมื่อสัญญานทะลุผ่านจุดเธรสโฮลด์
ถ้าเป็นเครื่องพ่วงนอกมักจะมีไฟสัญญานเพื่อสะดวกในการอ่านค่า
Release ควบคุมความเร็วที่คอมเพรสเซอร์ปล่อยกลับสัญญานเข้าสู่ระดับเดิม
ตรงนี้แหละที่จะสามารถใช้เพิ่มความกังวาน (sustain) ให้เสียงร้องหรือกีตาร์ได้
ลองปรับกันดู เขาว่ากันไว้แบบนี้ ผมก็ยังไม่เคยได้ลองด้วยตัวเอง
บทสรุป
ดูๆเหมือนว่าข้อมูลจะเยอะแยะสักหน่อย แต่รวมๆแล้วก็ไม่น่าจะยาก มันไม่มีอะไรเป็นกฎตายตัวในการปรับแต่งคอมเพรสเซอร์
แต่ละงาน แต่ละสถานที่ มันมีความแตกต่างของอคูสติก และเครื่องมือ เครื่องดนตรี ใช้ในงานนั้นๆ
ช่างซาวด์แต่ละคนก็ต้องทดลองปรับแต่งจนได้งานออกมาที่ดีที่สุด
คอมเพรสเซอร์ เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุมเสียงร้อง
แล้วก็ยังเปอร์เฟคสำหรับควบคุมพวกความถี่ต่ำของกระเดื่อง(Bass Drum) เบสกีตาร์
ถ้าเราสามารถจับจ่ายซื้อหามาใช้ได้มันก็จะเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณค่าในระบบเสียงของเรา
ถามไถ่วิธีใช้มันจากคนที่รู้ มีประสบการณ์ในการใช้มาก่อน ก็จะเป็นตัวช่วยที่ดีทีเดียวเชียว
-
ถ้าลงรูปการต่อ คอมเพรสเซอร์ ผ่านมิกเซอร์ ให้เห็นภาพ
จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ :happy:
มิกซ์แบบไหน คอมเพรสเซอร์ที่ใช้มีรายละเอียดอย่างไร
แบบพ่วงนอกซึ่งส่วนใหญ่มีสองแชนแนล ต้องการคอมเพรสที่แชนแนลไหนก็อินเสิร์ท (insert)ที่แชนแนลที่ต้องการ
ถ้าจะใช้คอมเพรสรวมก็ต่อพ่วงคั่นในระบบช่วงเมนเอาท์พุทไป พาวเวอร์แอมป์ ต่อหลังจาก อีคิว
-
Attack กำหนดความเร็วที่จะเข้าคอมเพรสเมื่อสัญญานทะลุผ่านจุดเธรสโฮลด์
ถ้าเป็นเครื่องพ่วงนอกมักจะมีไฟสัญญานเพื่อสะดวกในการอ่านค่า
Release ควบคุมความเร็วที่คอมเพรสเซอร์ปล่อยกลับสัญญานเข้าสู่ระดับเดิม
ตรงนี้แหละที่จะสามารถใช้เพิ่มความกังวาน (sustain) ให้เสียงร้องหรือกีตาร์ได้
ลองปรับกันดู เขาว่ากันไว้แบบนี้ ผมก็ยังไม่เคยได้ลองด้วยตัวเอง
บทสรุป
ดูๆเหมือนว่าข้อมูลจะเยอะแยะสักหน่อย แต่รวมๆแล้วก็ไม่น่าจะยาก มันไม่มีอะไรเป็นกฎตายตัวในการปรับแต่งคอมเพรสเซอร์
แต่ละงาน แต่ละสถานที่ มันมีความแตกต่างของอคูสติก และเครื่องมือ เครื่องดนตรี ใช้ในงานนั้นๆ
ช่างซาวด์แต่ละคนก็ต้องทดลองปรับแต่งจนได้งานออกมาที่ดีที่สุด
คอมเพรสเซอร์ เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุมเสียงร้อง
แล้วก็ยังเปอร์เฟคสำหรับควบคุมพวกความถี่ต่ำของกระเดื่อง(Bass Drum) เบสกีตาร์
ถ้าเราสามารถจับจ่ายซื้อหามาใช้ได้มันก็จะเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณค่าในระบบเสียงของเรา
ถามไถ่วิธีใช้มันจากคนที่รู้ มีประสบการณ์ในการใช้มาก่อน ก็จะเป็นตัวช่วยที่ดีทีเดียวเชียว
ต่อยอดกระทู้น้าป้อม เพื่อประโยชน์กับสมาชิกน่ะครับ
ฝากสูตร การใช้งานคอมเพรสเซอร์ตระกูล dbx166 ที่ผมตั้งไว้เป็นสแตนดาร์ดทุกครั้งก่อนจะใช้งาน แล้วแก้ไขเพิ่มลดตามสถานะการณ์น่ะครับ ใช้คุมไมค์ร้องอย่างเดียว เพราะผมไม่มีวงเล่นสด
- ภาค gate ผมไม่ค่อยใช้ ตั้งไว้ต่ำสุด แต่หากมีเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมเยอะๆ ผมจะหมุนขึ้นมาอยู่ที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา เพื่อบล๊อคเสียงอื่นที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ให้เข้าไมค์ ปุ่ม release ตั้งไว้เยอะหน่อยสักบ่ายโมง กะว่าเปิดประตูแล้วก็ค้างไว้สักหน่อย เผื่อมีใครจะตามเข้ามาอีก ถ้าสักระยะไม่มีเสียงเข้ามา gate มันก็จะปิดเราจะรู้สึกได้ถึงความเงียบจะเข้ามาเยือนในไลน์ไมค์
-ภาค compressor
ปุ่ม threshold ผมมันจะเล่นที่ตำแหน่ง -10 กะว่าพอเสียงเริ่มแรงมาหน่อยก็ให้มันเริ่มกดแบบ soft คือค่อยๆกดไม่ใช่กดแบบหักมุม
ratio ถ้านักร้องสาวหรือนักร้องคุณภาะ 2:1 ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าพวกเพลงสตริงอาจไล่ตั้งแต่ 3:1 ไปจดถึง 4:1 ยิ่งมากเสียงยิ่ง
ขาดไดนามิค แต่มันจำเป็นสำหรับจัดการกับพวกแหกปาก
atteck ผมจะตั้งให้ไวเข้าไว้แต่ไม่ไวสุด ประมาณสัก 9 นาฬิกา เพราะธรรมชาติการออกเสียงของคนเวลาเปล่งเสียงจะเริ่มจากเบาแล้วแรงขึ้น และผ่อนในช่วงท้าย ไม่ใช่กระแทกตึกเดียวแบบกลอง
release สำหรับเสียงร้อง ผมจะตั้งให้มันเปิดค้างไว้สักระยะ ก่อนจะคลายเมื่อไม่มีสัญญาณ เสียงร้องจะได้ไม่ค่อยวูบวาบ ปกติผมอยู่ที่ 13 นาฬิกา
gain อันนี้สำคัญเพราะช่วยยกระดับเสียงนักร้องที่ระดับเสียงไม่ค่อยเสมอ ให้มันอยู่ในช่วงที่เหมาะสมได้ ปกติผมจะยกขึ้น 5 db เพื่อควบคุมระดับเสียงเบาให้แรงขึ้น 5 db ก่อนจะไปเริ่มถูกกดที่ตำแหน่ง -10 db ที่ผมตั้งไว้ range ความดังและเบาของเสียงจะแคบลง
เสียงจะสม่ำเสมอมากขึ้น ถ้านักร้องเสียงเบามากอาจเร่งช่วยขึ้นได้อีก แต่ต้องระวังการฟี๊ดแบ็ค หรือการหอนอย่างที่เราเรียกกัน
พูดง่ายๆคือถ้าเบาเราเร่งขึ้น แต่ถ้าแรงเราก็กด หลักมันมีแค่นี้
สุดท้ายภาค limiter
ตัวนี้สำคัญมากเพราะเป็นตัวบล๊อคความดังตัวสุดท้ายก่อนจะรอดออกไป ปกติผมตั้งไว้ที่ +5 db หมายความว่าถ้าระดับเสียงมาแรงมากจนคอมเพรสเซอร์กดไม่อยู่ เมื่อระดับเสียงที่ออกไปจากคอม ก็จะไม่แรงเกินกว่าที่ลิมิตไว้ที่ +5db ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเงินซ่อมดอกลำโพงกันบ่อยๆ ตรงปุ่มลิมิตเคยมีคนถามผมว่าทำไมไม่ตั้งไว้ที่ 0 ผมบอกไปว่าเพราะผมไม่อยากฟังเสียงนักร้องที่เรียบแบนเป็นกระดาน
เลยยอมให้มันพี๊คบ้างแต่พองาม
-
:flower: :cheer1: :thank1: :thank1:
-
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้เรื่องนี้ :flower:
ผมมีรุ่นเดียวกันน้านพ ไว้ปิดรูแรคเหมือนกันครับ
กำลังจะขายทิ้งอยู่พอดี
มาเจอกระทู้นี้เข้าได้ความรู้เพิ่ม เลยเปลี่ยนความคิด
ว่า...... ลองกะมันอีกสักตั้งหนึ่ง
ทีนี้ผมอยากเรียนถามว่า
1. เราก็ใช้มันเพื่อเพิ่มน้ำหนักกระแทกกระทั้นให้เครื่องดนตรีบางชิ้น
2. การดึงซาวด์ให้เครื่องดนตรีบางชิ้นที่ซาวด์บางจ้อย
ให้ขึ้นมารวมแถวกับเครื่องอื่นที่ซาวด์ดีและหนาอยู่แล้วได้
3. เพิ่มความกังวานสดใสให้เครื่องดนตรีบางอย่างเช่นกีตาร์ รวมถึงเสียงร้องด้วย
มันก็ยังช่วยเพิ่มความกระจ่างฟุ้งฟริ้งให้กับสัญญานต้นเสียงจริงได้อีก
จาก 3 ข้อ ข้างบนเราจะต้องปรับตรงไหน อย่างไรครับ ปรับไป ประมาณเท่าไรครับ
Threshold ?
Ratio ?
Attack ?
Release ?
(เอาพอเป็นค่าอ้างอิงแล้วกันนะครับ)
ขอบคุณมาล่วงหน้าครับ
:thank1:
-
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้เรื่องนี้ :flower:
ผมมีรุ่นเดียวกันน้านพ ไว้ปิดรูแรคเหมือนกันครับ
กำลังจะขายทิ้งอยู่พอดี
มาเจอกระทู้นี้เข้าได้ความรู้เพิ่ม เลยเปลี่ยนความคิด
ว่า...... ลองกะมันอีกสักตั้งหนึ่ง
ทีนี้ผมอยากเรียนถามว่า
1. เราก็ใช้มันเพื่อเพิ่มน้ำหนักกระแทกกระทั้นให้เครื่องดนตรีบางชิ้น
2. การดึงซาวด์ให้เครื่องดนตรีบางชิ้นที่ซาวด์บางจ้อย
ให้ขึ้นมารวมแถวกับเครื่องอื่นที่ซาวด์ดีและหนาอยู่แล้วได้
3. เพิ่มความกังวานสดใสให้เครื่องดนตรีบางอย่างเช่นกีตาร์ รวมถึงเสียงร้องด้วย
มันก็ยังช่วยเพิ่มความกระจ่างฟุ้งฟริ้งให้กับสัญญานต้นเสียงจริงได้อีก
จาก 3 ข้อ ข้างบนเราจะต้องปรับตรงไหน อย่างไรครับ ปรับไป ประมาณเท่าไรครับ
Threshold ?
Ratio ?
Attack ?
Release ?
(เอาพอเป็นค่าอ้างอิงแล้วกันนะครับ)
ขอบคุณมาล่วงหน้าครับ
:thank1:
1-2 ทำเหมือนเสียงร้อง แต่ลด atteck และ release ให้สั้นลง
3 ไม่ทราบครับไม่เคยใช้เพื่อการนี้
-
ขอความรู้หน่อยนะ DL1608 ปรับค่า attack - release ถ้าเราดันสไลน้อยหมายความว่ากดเร็วใช่ไหม ถ้าดันสไลมากๆๆหมายความว่ากดช้าปล่อยช้าหรือเปล่า
ไม่ค่อยมีความรู้หรือความหมายค่าตัวเลย เกียวกับค่าของมัน อย่างเช่น 20.8 ms
(http://upic.me/i/th/p3700.jpg) (http://upic.me/show/54484842)
-
ขอความรู้หน่อยนะ DL1608 ปรับค่า attack - release ถ้าเราดันสไลน้อยหมายความว่ากดเร็วใช่ไหม ถ้าดันสไลมากๆๆหมายความว่ากดช้าปล่อยช้าหรือเปล่า
ไม่ค่อยมีความรู้หรือความหมายค่าตัวเลย เกียวกับค่าของมัน อย่างเช่น 20.8 ms
(http://upic.me/i/th/p3700.jpg) (http://upic.me/show/54484842)
ใช่ครับหลวงพี่ดูเวลามันก็พอจะคาดการได้ 1 ms ก็เท่า 1/1000 วินาที 20.8 ก็เท่ากับ 20.8/1000 วินาที ยิ่มากก็ยิ่งนาน
คอมใน DL1608 อย่ากดมาก มันจะทึบไปเลย
-
เข้ามาเก็บข้อมูล :party: :party: :party: :thank1: :flower:
-
ใช่ครับหลวงพี่ดูเวลามันก็พอจะคาดการได้ 1 ms ก็เท่า 1/1000 วินาที 20.8 ก็เท่ากับ 20.8/1000 วินาที ยิ่มากก็ยิ่งนาน
คอมใน DL1608 อย่ากดมาก มันจะทึบไปเลย
:thank1: :thank1: :thank1:
-
1-2 ทำเหมือนเสียงร้อง แต่ลด atteck และ release ให้สั้นลง
3 ไม่ทราบครับไม่เคยใช้เพื่อการนี้
ขอบคุณครับน้านพ
:thank1:
-
1-2 ทำเหมือนเสียงร้อง แต่ลด atteck และ release ให้สั้นลง
3 ไม่ทราบครับไม่เคยใช้เพื่อการนี้
บอกแล้วว่าเมื่อไหรน้านพแกจับแม็กกี้ พวกเราสบาย ผมรู้แต่อธิบายแล้วเข้าใจยาก สาเหตุเพราะช่วงท้ายของการศึกษาผมไปเป็นโรบินฮู๊ด
เวลาผมอธิบายอะไรภาษามันจะสลับหัวท้าย อย่างตัวมิกซ์ พวกเราจะเรียกกันว่า มิกซ์ดิจิตอล แต่ผมมักจะใช้ ดิจิตอลมิกซ์เซอร์
เมื่อหมอนพแกอธิบายอะไร มันจะเข้าใจง่าย
ข้อ3 ปรับเพิ่มค่า Release ผมลองทำดูในหูฟัง ออกมาดี พอตอนไปใช้จริงกับงานนอก มันจะใสแบบชวนหอน ก็เลยประมาณเอาเองว่า
น่าจะมีผลสำหรับการทำงานในห้องอัด สำหรับงานพีเอกลางแจ้งการใช้ก็ต้องดูกับอคูสติกของสถานที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อันนี้ใช้กับไมค์นะ
ใช้กับกีตาร์ใสขึ้นไม่ต้องกลัวหอนถ้าเป็นไลน์เอ้ามาจากตู้ ไม่ใช่แบบไมค์จ่อ ผมว่าใช้กับกีตาร์เวิร์คครับ เสียงใสเป็นแบบกีตาร์ยุค60เลย
-
ข้อ3 ปรับเพิ่มค่า Release ผมลองทำดูในหูฟัง ออกมาดี พอตอนไปใช้จริงกับงานนอก มันจะใสแบบชวนหอน ก็เลยประมาณเอาเองว่า
น่าจะมีผลสำหรับการทำงานในห้องอัด สำหรับงานพีเอกลางแจ้งการใช้ก็ต้องดูกับอคูสติกของสถานที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อันนี้ใช้กับไมค์นะ
ใช้กับกีตาร์ใสขึ้นไม่ต้องกลัวหอนถ้าเป็นไลน์เอ้ามาจากตู้ ไม่ใช่แบบไมค์จ่อ ผมว่าใช้กับกีตาร์เวิร์คครับ เสียงใสเป็นแบบกีตาร์ยุค60เลย
ขอบคุณครับท่านป้อม และ น้านพ
ผมคงต้องไปลองปรับ ๆ หมุน ๆ
กันอีกพักใหญ่แหละครับ
-
1.มีไมล์ลอย 2.ปรีไมล์ 3.คอมเพรสเซอร์ 4.ครอสโอเวอร์ 5.อีคิว
6.มิกเซอร์ 7 เพาเวอร์แอมป์ ต่ออะไรก่อน อะไรหลังครับอยากทราบวิธี
การตอบที่ถูกต้อง :thank1:ะ
-
1.มีไมล์ลอย 2.ปรีไมล์ 3.คอมเพรสเซอร์ 4.ครอสโอเวอร์ 5.อีคิว
6.มิกเซอร์ 7 เพาเวอร์แอมป์ ต่ออะไรก่อน อะไรหลังครับอยากทราบวิธี
การตอบที่ถูกต้อง :thank1:ะ
ไม่มีอะไรตายตัวครับ อยู่ที่จุดประสงค์การใช้งาน แต่เบื้องต้นที่นิยมกันก็
1>3>6>5>4>7
2 เอาไปบริจาควัด
-
:hap5: :hap5: :hap5:
-
1.มีไมล์ลอย 2.ปรีไมล์ 3.คอมเพรสเซอร์ 4.ครอสโอเวอร์ 5.อีคิว
6.มิกเซอร์ 7 เพาเวอร์แอมป์ ต่ออะไรก่อน อะไรหลังครับอยากทราบวิธี
การตอบที่ถูกต้อง :thank1:ะ
ต่อแบบน้านพ คือ ใช้คอมเพรสสัญญานไมค์ แล้วส่งสัญญานเข้ามิกเซอร์ การต่อใช้แบบอินเสิร์ทที่มิกเซอร์จะสะดวก
หรือจะต่อแต่ละเครื่องมือก็ได้ เอาไมค์ไปเสียบที่เครื่องคอมเพรสเซอร์ แล้วต่อไปเสียบรูมิกซ์ ที่เหลือต่อลำดับตามน้านพบอก
อีกแบบคือใช้คอมเพรสทั้งระบบ ไมค์ไปเสียบมิกซ์เซอร์ >อีคิว>คอมเพรสเซอร์>ครอส>เพาเวอร์
ถ้าจะให้แหล่มๆ ก็หามาเพิ่มหลายๆตัว เอาไมค์ทุกตัว เครื่องดนตรีทุกชิ้น ผ่านคอมเพรสเซอร์
ถามว่าหามาหลายๆตัวคงเป็นเงินบานเบอะ ก็รวมตังตรงนี้ไปซื้อมิกซ์ดิจิตอลซักตัว เขาแถมมาให้ทุกแชนแนลเลย ใช้เงินน้อยกว่าเยอะ
-
ขอบคุณมากๆ สำหรับความรู้ครับ กระจ่างเลย... :D :D :D
-
:thank1:
-
เจออีกแล้ว เรื่องการใช้คอมเพรสเซอร์ แบบไม่ตรงกับงานเรา แต่ตรงกับงานเขา
ไปงานที่โรงแรมพูลแมน พัทยา ห้องบอลลูม เจ้าเป็กมันโทรมาบอกให้รีบไปก่อนเวลา เพราะออร์แกไนซ์แจ้งมาว่า
ใช้เครื่องเสียงโรงแรม ตามประสพการณ์ที่ผ่านมามักมีปัญหา ผมเข้าไปดูในห้องจัดเลี้ยง เป็น Bose 802 ซับเป็นแอกทีพ QSC
ข้างละเซท ในใจก็ว่าโอเค ลองซาวด์เช็ค เสียงดนตรีมันหนีบมาก ก็เลยลองสับเฟสที่มิกซ์ DL1608 ข้างใดข้างหนึ่งจากไลน์เสตอริโอ
ผลปรากฎว่า เสียงพุ่งออกมาทั้งเบสทั้งมิดไฮ จบไปเรื่อง เช็คไมค์ เสียงเอฟเฟคท์ที่เป็นเสตอริโอมันเฟสไปเฟสมา เหมือนใส่แฟลงเจอร์
ก็จัดการทุกอย่างให้เป็นโมโน ก็ฟังโอเคอยู่
พอมาถึงตอนเล่นจริงแขกเข้ามาเต็มห้อง เราต้องการเพิ่มเสียง มันเพิ่มไม่ได้ เสียงที่เกินจะเฟดหาย ตอนที่เป็นเดี่ยวๆ อย่างช่วงดนตรี
ต้นเพลงก็ประคองไว้แค่โอเค เพราะเริ่มร้องรวมเข้ามา เสียงจะโดนบีบหายไปทันที ต้องรีบลดอะไรสักอย่าง เสียงถึงจะคืนมาบ้าง
ผมรู้ในทันทีว่าต้องโดนทั้งเกท ทั้งคอมเพรสเซอร์ รวมลิมิตเตอร์ด้วย ก็เลยบอกช่างโรงแรมให้บายพาสพวกนี้ให้หน่อย
คำตอบที่ได้รับคือ พวกผมทำไม่ได้ ต้องโทรตามช่างเทคนิคบริษัทที่ติดตั้งเครื่องเสียงมาทำ เป็นว่า"จบกัน"
เขาเซทไว้ใช้งานประชุม ป้องกันไมค์หอน ป้องกันลำโพง มันเป็นความจำเป็นใช้ของเขา แต่ไม่ใช่แบบของเรา
-
:thank1: :thank1: :thank1:
-
(http://upic.me/i/y3/dbx_166xlsmall.jpg) (http://upic.me/show/54845105)
:thank1:
-
(http://upic.me/i/y3/dbx_166xlsmall.jpg) (http://upic.me/show/54845105)
:thank1:
กดปุ่ม ฺBypass เลยครับ แหะๆ ตัวนี้เป็นเอ็กซ์แปนเดอร์/เกท คอมเพรสเซอร์ และลิมิตเตอร์
ถ้าใช้กับไมค์หรืองานดนตรี ถ้าเซทไม่ถูกกับงาน จะเจอปัญหาแบบที่ผมเจอ ลูกบิดแรกถ้าไมค์ร้องควร Off ครับ
ปุ่มที่เหลือปุ่มแรกซ้ายผมไม่มีคู่มือ ใช้เปิดปิด ฟังชั่น SC ซึ่งผมไม่ทราบว่าหมายถึงอะไรของเครื่องนี้ครับ
ที่พอจะคาดก็ปุ่ม Auto ให้เลือกเอาจะเข้าคอมเพรสสัญญาน ช้า หรือ เร็ว หรือจะเป็นแบบออโต ที่เหลือน่าจะต้อง
ดูจากคู่มือ หรือทดลองใช้ดู เหมือนจะเป็นปรีเซทค่ากำหนดให้กดใช้งานแบบไม่ต้องปรับแต่งเองมากมาย
-
กดปุ่ม ฺBypass เลยครับ แหะๆ ตัวนี้เป็นเอ็กซ์แปนเดอร์/เกท คอมเพรสเซอร์ และลิมิตเตอร์
ถ้าใช้กับไมค์หรืองานดนตรี ถ้าเซทไม่ถูกกับงาน จะเจอปัญหาแบบที่ผมเจอ ลูกบิดแรกถ้าไมค์ร้องควร Off ครับ
ปุ่มที่เหลือปุ่มแรกซ้ายผมไม่มีคู่มือ ใช้เปิดปิด ฟังชั่น SC ซึ่งผมไม่ทราบว่าหมายถึงอะไรของเครื่องนี้ครับ
ที่พอจะคาดก็ปุ่ม Auto ให้เลือกเอาจะเข้าคอมเพรสสัญญาน ช้า หรือ เร็ว หรือจะเป็นแบบออโต ที่เหลือน่าจะต้อง
ดูจากคู่มือ หรือทดลองใช้ดู เหมือนจะเป็นปรีเซทค่ากำหนดให้กดใช้งานแบบไม่ต้องปรับแต่งเองมากมาย
thredshold ตัวแรกปกติผมไม่ออฟ.จะตั้งประมาณ -45 เพราะมันช่วยได้กรณีตัดเสียงรบกวนเข้าไมค์ จากการเปิดไมค์ทิ้วไว้. release คู่แรกเอาไว้ถ่วงเวลาเปิดประตูครับว่าจะให้เปิดแล้วปิดเลย. หรือจะอ้าไว้รอเหยื่ออีกหน่อยหนึ่ง
sc คือไซด์เชน. เอาไว้ทริกกับระบบเสียงเช่นกรณีดีเจเปิดเพลง. เวลาดีเจแหกปากเสียงดนตรีจะเบาลงเองโดยอัตโนมัติ. พอมันหยุดจ้อตามค่า release ที่ตั้งไว้ดนตรีก็จะดังขึ้นตามที่ตั้งไว้. แหะผมบ่เคยใช้เด้ออันหลังนี่ จำขี้ปากเขามา
-
thredshold ตัวแรกปกติผมไม่ออฟ.จะตั้งประมาณ -45 เพราะมันช่วยได้กรณีตัดเสียงรบกวนเข้าไมค์ จากการเปิดไมค์ทิ้วไว้. release คู่แรกเอาไว้ถ่วงเวลาเปิดประตูครับว่าจะให้เปิดแล้วปิดเลย. หรือจะอ้าไว้รอเหยื่ออีกหน่อยหนึ่ง
sc คือไซด์เชน. เอาไว้ทริกกับระบบเสียงเช่นกรณีดีเจเปิดเพลง. เวลาดีเจแหกปากเสียงดนตรีจะเบาลงเองโดยอัตโนมัติ. พอมันหยุดจ้อตามค่า release ที่ตั้งไว้ดนตรีก็จะดังขึ้นตามที่ตั้งไว้. แหะผมบ่เคยใช้เด้ออันหลังนี่ จำขี้ปากเขามา
อะไรที่เราไม่ได้ใช้บ่อยๆ มันก็ลืมไปแทบจะหายไปจากสมองเราเลย ยังดียังมีหมอนพที่จำได้
ตัว SC หรือ Side Chain ผมเคยลองใช้กับ RANE ตัวที่ให้น้ายอดไป แต่ไม่เคยใช้จริง
มันเอาสัญญาณของช่องหนึ่งมาเปิด ปิด เกท/คอมเพรสเซอร์ ของอีกช่องหนึ่ง ใช้งานเป็นออโต้วอลลุ่ม
-
(http://www.uppic.org/image-1B43_55023416.jpg) (http://www.uppic.org/share-1B43_55023416.html)
ถ้าเอามาใช้คุมทั้งระบบ ปรับไว้ยังไงบ้างครับ
-
(http://www.uppic.org/image-1B43_55023416.jpg) (http://www.uppic.org/share-1B43_55023416.html)
ถ้าเอามาใช้คุมทั้งระบบ ปรับไว้ยังไงบ้างครับ
ปกติเขาไม่ใช้คุมทั้งระบบครับ
-
(http://www.uppic.org/image-1B43_55023416.jpg) (http://www.uppic.org/share-1B43_55023416.html)
ถ้าเอามาใช้คุมทั้งระบบ ปรับไว้ยังไงบ้างครับ
ถ้าใช้คุมทั้งระบบ ล่ะก็วูบวาบแน่นครับ เบสแรงๆหน่อยมันก็จะตัด คราวนี้จะหาจุดไม่เจอ
ไปโทษอันอื่นเสียอีก งานจะตามมานะครับ เลือกคุมเป็นอย่างๆ ดีกว่าครับ
-
ปกติเขาไม่ใช้คุมทั้งระบบครับ
เห็นเครื่องหลายเจ้าใช้กัน เวลาเปิดแล้วไฟวิ่งไปวิ่งมา ผมว่าไฟมันสวยดี เลยอยากลองบ้าง ;D ;D ;D :o^:
-
ขอปักหมุดด้วยคนครับ ;D :happy:
-
thredshold ตัวแรกปกติผมไม่ออฟ.จะตั้งประมาณ -45 เพราะมันช่วยได้กรณีตัดเสียงรบกวนเข้าไมค์ จากการเปิดไมค์ทิ้วไว้. release คู่แรกเอาไว้ถ่วงเวลาเปิดประตูครับว่าจะให้เปิดแล้วปิดเลย. หรือจะอ้าไว้รอเหยื่ออีกหน่อยหนึ่ง
sc คือไซด์เชน. เอาไว้ทริกกับระบบเสียงเช่นกรณีดีเจเปิดเพลง. เวลาดีเจแหกปากเสียงดนตรีจะเบาลงเองโดยอัตโนมัติ. พอมันหยุดจ้อตามค่า release ที่ตั้งไว้ดนตรีก็จะดังขึ้นตามที่ตั้งไว้. แหะผมบ่เคยใช้เด้ออันหลังนี่ จำขี้ปากเขามา
อันนี้ยังไม่เคยลองครับ กำลังหาอยู่พอดีเพราะช่วงดึกๆของการแสดง มักจะปล่อยโค เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศความมันสสส์
:thank1:
-
ของผมที่ MIX
ไมค์กี่ตัวก็ส่งออกที่ AUX1 - เครื่องเอฟเฟ็คนอก - compressor - กลับมาที่ MIX
เพราะคอมเพรสเซอร์มันต้องการสัญญาณที่แรง
เคยต่อที่ช่อง insert - compressor ไฟแสดงผลขึ้นเม็ดเดียว
ประเภทชอบไฟวิ่งวูบๆวาบๆน่ะครับ
-
ของผมที่ MIX
ไมค์กี่ตัวก็ส่งออกที่ AUX1 - เครื่องเอฟเฟ็คนอก - compressor - กลับมาที่ MIX
เพราะคอมเพรสเซอร์มันต้องการสัญญาณที่แรง
เคยต่อที่ช่อง insert - compressor ไฟแสดงผลขึ้นเม็ดเดียว
ประเภทชอบไฟวิ่งวูบๆวาบๆน่ะครับ
ใข้คอมเพรสเซอร์ตัวเดียวคุมไมค์ทุกตัว แบบนี้เวิร์คไหมครับหมอนพ
ผมว่าเป็นการใช้ที่ได้ประโยชน์คุ้มค่าอยู่มากทีเดียว
-
ใข้คอมเพรสเซอร์ตัวเดียวคุมไมค์ทุกตัว แบบนี้เวิร์คไหมครับหมอนพ
ผมว่าเป็นการใช้ที่ได้ประโยชน์คุ้มค่าอยู่มากทีเดียว
ได้อยู่ครับพี่ เคยใช้หนสองหนตอนขี้เมาระดับบิ๊กๆขึ้นมาแย่งกันร้องเต็มเวที ไมค์สี่ตัวคอมที่มีสองช่องไม่พอใช้ ตอนนั้นผมใช้มิกซ์ EFX12 ไม่มีคอมในตัวเหมือนยามาฮ่า
ข้อดีคือประหยัดคอมและใช้เพื่อกดเสียงอย่างเดียว แต่เอาไปปรับปรุงเสียงให้มีคุณภาพมากขึ้นไม่ได้ เพราะไมค์แต่ละตัวที่ขี้เมาแต่ละคนเอาไปใช้ถูกคุมด้วยคอมที่ปรับเหมือนกันทั้งหมด
ถ้าต้องการคุณภาพควรใช้ไมค์ 1 ตัวต่อคอมหนึ่งช่อง เพราะเวลาใช้งานจริงนักร้องแต่ละคนไมค์แต่ละตัวที่ใช้ ไม่เหมือนกัน
-
ได้ความรู้มากครับ ขอเก็บสะสมความรู้ไว้ครับ :thank1: :th2:
-
(http://www.uppic.org/image-1B43_55023416.jpg) (http://www.uppic.org/share-1B43_55023416.html)
ถ้าเอามาใช้คุมทั้งระบบ ปรับไว้ยังไงบ้างครับ
:th1:
ปรับอ่อนไว้ทุกค่าครับ ภาค Expander/Gate ปรับรูThredhold และRelease ไม่เกิน 10 โมง
ปรับ ที่เหลือทุกปุ่มไม่เกิน 10 โมง เหมือนกัน ครับ คือเหมือนกับร้องเพลง"รักสิบล้อต้องรอ 10 โมง" นะครับ
ปรับอย่างนี้เหมาะกับผมคนเดียว คือฟังในห้องส่วนตัว เสียงที่ได้นุ่มนวล อ่อนโยน ใสๆทุกชิ้น เหมือนฟังวิทยุ A.M.Stereo ไกลๆ เป็นห้วงๆ เพลงที่ร้องและฟังต้องเป็นรุ่น "คุณปู่" เช่น เดือนต่ำดาวตก ของพ่อทูน ทองใจโน่น
ถ้าท่านใดต้องใช้กลางแจ้ง อย่าทำตามผมครับ
(รู้นะครับ ตอบอย่างนี้ คุณพี่นพต้องค้อนผม ฮิ ฮิ ..)
:mad244: