eXtreme Community
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: อ๊อฟ คลองสามวา ที่ วันที่ 15 มิถุนายน 2013, 21:34:16 น.
-
ผมไม่เข้าใจมานานละครับ
แต่ก็พยายามหาคำตอบ แต่มันยังไม่ค่อยเข้าใจ
จึงเป็นสาเหตุของกระทู้นี้ครับ
ที่มิกซ์ของผมมี วอลุ่มที่มิกซ์เขียนว่า matrix
แต่ผมยังไม่เข้าใจ เลยไม่สามารถใช้ประโยชน์ของมิกซ์ได้สูงสุด
จึงมาขอความรู้ในครั้งนี้ครับ
รูปประมาณนี้ครับ
(http://upic.me/i/xl/bfpl4.jpg)
(ขออุนญาติเจ้าของภาพด้วยครับ)
-
ผมไม่เข้าใจมานานละครับ
แต่ก็พยายามหาคำตอบ แต่มันยังไม่ค่อยเข้าใจ
จึงเป็นสาเหตุของกระทู้นี้ครับ
ที่มิกซ์ของผมมี วอลุ่มที่มิกซ์เขียนว่า matrix
แต่ผมยังไม่เข้าใจ เลยไม่สามารถใช้ประโยชน์ของมิกซ์ได้สูงสุด
จึงมาขอความรู้ในครับนี้ครับ
รูปประมาณนี้ครับ
(http://upic.me/i/xl/bfpl4.jpg)
(ขออุนญาติเข้าของภาพด้วยครับ)
จำน้า ป.เปี๊ยกมาอีกที
5555555555555555555555555555555555555
การเลือกซื้อมิกเซอร์สำหรับงานPAอย่างแรกที่ควรทำการบ้านก็คือ
ศึกษาความต้องการในการใช้งานของเราเองว่า ในการใช้งานจริงจำนวน inputs หรือสัญญาณที่จะมาต่อเข้ามิกซ์อยู่ที่จำนวนเท่าไหร่ เช่น ไมโครโฟนกี่ตัว สัญญาณที่เป็น line อย่างเช่นเครื่องเล่นซีดีกี่เครื่อง เครื่องเล่นจากคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นจากDVD เหล่านี้ก็ต้องนับรวมเอาไว้ด้วย
หลังจากนี้ก็ให้ดูจำนวน group ควรเริ่มต้นที่ 4 group และหากได้ที่ 8 group ก็จะดีมาก เพราะการมีgroupที่มีช่วยให้การนำสัญญาณออกจากมิกเซอร์มีช่องทางเพิ่มขึ้นเพื่อนำเอาไปใช้ประโยชน์สำหรับการต่อสัญญาณออกไปป้อนเข้าแหล่งรับสัญญาณอื่นๆ เช่น กลุ่มภาพที่ต้องการสัญญาณเสียง หรือเครื่องบันทึกเสียงเป็นต้น แต่สำหรับมิกเซอร์ที่รุ่นใหญ่ๆจะมีช่องต่อสัญญาณเรียกว่า matrix ฟังชั่นนี้ก็นิยมใช้ส่งสัญญาณออกจากมิกเซอร์อีกทางหนึ่งด้วย
Auxก็เป็นอีกฟังชั่นหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ในกรณีที่เอาไปใช้งานสำหรับงานบูธเป็นหลัก การเลือกซื้อมิกซ์ที่มี AUX ไม่มากเช่น 2-4 AUX ถือว่าใช้ได้เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นงานที่มีวงดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง AUX ควรมีอย่างน้อย6-8 AUX และยิ่งมากก็ยิ่งซึ่งก็หมายถึงราคาที่ต้องเพิ่มตามไปด้วย เพราะจำนวน AUX ที่มากช่วยให้การทำระบบมอนิเตอร์ทำได้สะดวก เช่น จำนวน AUX ที่มากก็หมายถึง ความสามารถในการแยกแยะโซนของเสียงที่จะส่งให้นักดนตรีบนเวทีได้ละเอียดขึ้นนั่นเอง
สำหรับมิกเซอร์ที่มีเอฟเฟคในเครื่องถือว่าช่วยให้ผู้ลงทุนประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้มาก มิกเซอร์ลักษณะนี้ช่วยให้ผู้ทำระบบเสียงลดอุปกรณ์ต่อพ่วงลงไป ลักษณะงานก็สามารถใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าความสามารถในการปรับแต่งเอฟเฟคมีอยู่น้อย แต่เท่าที่เห็นก็พอเพียงต่อการใช้งานแล้ว
จากแนวทางหลักๆข้างต้นการเลือกซื้อทั้งหมดคงต้องดูงบประมาณในการเป๋าเป็นหลักเสียก่อน ดูจุดประสงค์ในการนำเอาไปใช้งาน สำหรับงบประมาณที่มีมากตัวเลือกก็จะมีให้เล่นมากขึ้น สำหรับงบประมาณขนาดเล็กถึงกลางก็จะมีฟังชันให้เล่นน้อยลงไปด้วย นั่นก็หมายความว่า การใช้งานก็จะมีข้อจำกัดตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนะนำว่า หากคำนวณจำนวนสัญญาณที่เข้ามาได้ที่เท่าไหร่ก็ให้ทำการเผื่อไว้อีกเล็กน้อย(ถ้าทำได้และมีงบมากพอ)
-
ถ้าจะเอาละเอียดๆ ตามช่างยุทธนา ลำพูนไปเลย
http://www.yutsound.com/board/index.php?topic=254.0
-
ผมใช้ บอสเทค 24 LIVE 8 อยู่ เล่นในหอประชุมอำเภอ ข้างนอกหน้าหอประชุมมีโต๊ะอีกจำนวนมาก ขอให้ต่อเครื่องไปข้างนอกอีกชุด เหมือนทำดีเลย์อีกชุด พอดีสัญญาณลิ้งค์ไม่พอ อ.ชเนรินทร์ มือซาวด์ ให้ผมต่อสัญญาณออกจาก matrix นี่แหละ ออกไปเข้าแอมป์ที่อยู่ข้างนอก ผมก็พึ่งรู้ว่ามันใช้ประโยชน์อย่างนี้ ปกติเราก็ใช้แต่ช่อง AUX ลองไปใช้ดูนะครับ อาจจะอธิบายเข้าใจยากหน่อย รู้แค่นี้แหละครับ
-
ตอบท่านเจ้าของกระทู้ครับ
MATRIX OUT
คือ ชุดทางออก (OUTPUT)…..ซึ่งมีรูทางออก อยู่หลังเครื่องอยู่แล้ว
เราสามารถนำ ชุดOUTPUT ต่างๆ..ที่พวกเราทำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
มาผสมรวมกันใหม่ได้อีก
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นครับ
.
-
ตามในภาพตัวอย่าง
ขอสมมุติว่า
สีแดง คือ กรุ๊ป 1-2 (GRP 1-2) เราจัดไว้เป็นกลุ่มเสียงร้อง
สีส้ม คือ กรุ๊ป 3-4 (GRP 3-4) เราจัดไว้ให้เป็นกลุ่มเสียงเครื่องดนตรี
ดังนั้นใน
สีเหลือง ภาค MAIN MIX L-R
ที่เรานำ กรุ๊ป 1-2 และ กรุ๊ป 3-4 โยนใส่เข้าไป
ก้อจะมีทั้ง เสียงร้อง และ เสียงเครื่องดนตรี
และนำไปใช้งานเป็น ชุดPA ซ้าย-ขวา
อันนี้แน่นอน..FLOOR FLOOR..พวกเราทราบกันดีอยู่แร้ววว
**ถ้าท่านใดยังมีจุดที่สงสัยอยู่ ถามเพิ่มมาได้เลยครับ **
**ขออภัยที่ยกตัวอย่างเป็นสีเหลืองนะครับ มันเข้ากับสีปุ่มครอบสไลด์พอดี
..ม่ายรู้จะมองตัวหนังสือชัดหรือเปล่า**
.
(http://img62.imageshack.us/img62/7228/7cn2.jpg)
-
ทีนี้..สมมุติว่า
เรามีแอมป์และลำโพงอีกชุดนึง
ที่ต้องการให้มีทั้งเสียงร้องและเสียงเครื่องดนตรี
แต่..ขอมีเสียงร้องดังมากขึ้นอีกหน่อยนึง
เราก้อต่อสายจากรู MATRIX OUT A ด้านหลังเครื่อง
ไปเข้าแอมป์และลำโพงชุดนั้น
หมุนปุ่มหมายเลข 1
เพื่อส่ง สีเหลือง ภาค MAIN MIX L-R ไปออกที่ MATRIX OUT A
และหมุนปุ่มหมายเลข 2
เพื่อส่ง สีแดง กรุ๊ป 1-2 กลุ่มเสียงร้อง ไปออกที่ MATRIX OUT A
ดังนั้นในรู MATRIX OUT A ที่นำเสียงออกไปใช้
จะมี เสียงร้อง ดังเพิ่มมากขึ้น..ตามจำนวนที่เราหมุนปุ่มหมายเลข 2 ครับ
**ถ้าท่านใดยังมีจุดที่สงสัย หรือต้องการทราบว่าเอาไปทำประโยชน์อะไร สอบถามเพิ่มได้ครับ **
.
-
กรณีคล้ายๆกัน..สมมุติว่า
เรามีแอมป์และลำโพงอีกชุดนึง
ที่ต้องการให้มีทั้งเสียงร้องและเสียงเครื่องดนตรี
แต่..ขอมีเสียงเครื่องดนตรีมากขึ้นอีกหน่อยนึง
เราก้อต่อสายจากรู MATRIX OUT B ด้านหลังเครื่อง
ไปเข้าแอมป์และลำโพงชุดนั้น
หมุนปุ่มหมายเลข 3
เพื่อส่ง สีเหลือง ภาค MAIN MIX L-R ไปออกที่ MATRIX OUT B
และหมุนปุ่มหมายเลข 4
เพื่อส่ง สีส้ม กรุ๊ป 3-4 เสียงเครื่องดนตรี ไปออกที่ MATRIX OUT B
ดังนั้นในรู MATRIX OUT B ที่นำเสียงออกไปใช้
จะมี เสียงเครื่องดนตรี ดังเพิ่มมากขึ้น..ตามจำนวนที่เราหมุนปุ่มหมายเลข 4 ครับ
**ถ้าท่านใดยังมีจุดที่สงสัย หรือต้องการทราบว่าเอาไปทำประโยชน์อะไร สอบถามเพิ่มได้ครับ **
.
-
หมายเหตุว่า
หากเครื่องมิกเซอร์นี้ถูกเปิดใช้งานอยู่
ผมไม่ได้อยากให้พวกเรา..ดันสไลด์..ตามในภาพเลยครับ
.
-
ได้ความรู้คับ ;D
-
หมายเหตุว่า
หากเครื่องมิกเซอร์นี้ถูกเปิดใช้งานอยู่
ผมไม่ได้อยากให้พวกเรา..ดันสไลด์..ตามในภาพเลยครับ
.
คงไม่ได้ใช้งานจริงกระมังครับในภาพ
-
เรียกเหมือนกันงี้หมดทุกรุ่นใช่ไหมครับ พวกรูหรือช่องเสียบไรต่างๆบนหน้าปัทจ์มิกซ์อ่ะ ปุ่มกับรู ขนาดยังทำมามาตรฐานเดียวกันได้ชื่อเรียกปุ่มกับรูก็น่าจะทำมามาตรฐานเดียวกันได้นะ
-
เสียดายที่ผมขายมิกซ์ที่มี Matrix out ไปซะแล้ว
-
ขอบคุณครับ :flower: :flower: :flower:
เอาเสียงจากอันนี้ไปบันทึกเสียง สบายบรือจะเอาอะไรเพิ่มหรือน้อย+EQ อีกตัว(ละลายงบ) แจ่มมม :th2: :th2: :th2:
-
ส่วนผมจะเอาไปใช้กับไซด์ฟิลบนเวทีตอนเล่นสดครับ
-
เรียกเหมือนกันงี้หมดทุกรุ่นใช่ไหมครับ พวกรูหรือช่องเสียบไรต่างๆบนหน้าปัทจ์มิกซ์อ่ะ ปุ่มกับรู ขนาดยังทำมามาตรฐานเดียวกันได้ชื่อเรียกปุ่มกับรูก็น่าจะทำมามาตรฐานเดียวกันได้นะ
คำว่า MATRIX OUT เป็นคำสากล
ใช้บนมิกเซอร์ทุกยี่ห้อครับ
.
-
:flower: :thank1: :flower:
-
ได้ความรู้อีกแล้ว :thank1: :thank1: :th1: :th2:
-
เปรียบเสมือน AUXของGroupอีกทีใช่ไหมครับ
-
เปรียบเสมือน AUXของGroupอีกทีใช่ไหมครับ
จะว่าอย่างนั้นก้อได้ครับ
จริงๆมันเป็นการที่ผู้ผลิตเครื่องมิกเซอร์
ค่อยๆต่อยอด..ทางเดินสัญญาณ ( Signal Routing ) เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
เพื่อให้ใช้งานได้ครอบคลุมที่สุดน่ะครับ
กลายเป็นว่า MATRIX OUT ในมิกเซอร์เครื่องนี้
คือ..กระบวนการ..ท้ายสุด..ของการจัดทางเดินสัญญาณแล้ว
.
-
เสียดาย QU-16 ไม่รองรับ Matrix มันเริ่มรองรับที่ QU-24 หวังว่าอนาคต firmware มันจะเขียนมาให้ใช้ได้
-
เท่าที่ผมรู้ก็คือช่อง matrix มันจะส่งสัญญาณเป็นเเบบ สเตอริโอ L+R คล้ายๆกันเมนเอ้า ส่วน aux มันจะส่งสัญญาณเป็นเเบบMONO คือสัญญาณเดี่ยว ลองเช็คดูครับ
-
ได้ความรู้อีกแล้ว :th1: :thank1:(http://upic.me/i/dx/10410275_1412680945710841_2544566391523866117_n.jpg) (http://upic.me/show/55274343)
-
เก็บความรู้... :happy: :thank1:
-
ขอบคุณครับ.. :flower:
-
การนำเอาสัญญาณไปใช้ก็เป็นคนละเเบบคือ ช่องAUXเป็นการดักเอาสัญญาณของเเต่ละชเเนลหรือทีละชเเนลไปใช้ ส่วน ช่องmatrix คือการนำเอาสัญญาณรวมที่เราจัดบาล้านใว้เเล้วในทุกๆชเเนล ไปใช้ เช่น สมมุติว่าเครื่องมิกเรามีช่อง matrix อยู่ 2 ช่อง ต้องการจะกระจายเสียงไป 3 ห้อง คือ ห้องA(ห้องเวทีหลักที่เราตั้งมิกคอนโทลอยู่) ห้องB(อาจจะเป็นเเขกอีกกลุ่ม) ห้องC(อาจจะเป็นเเขกอีกกลุ่มที่ล้นมาจากA/B)เราก็สามารถจ่ายสัญญาณไปได้โดยการใช้ เมนหลักจ่ายที่ห้องA matrix1 จ่ายไปที่ห้องB matrix2 จ่ายไปที่ห้องC มันก็จะสามารถควบคุมสัญญาณที่เราจ่ายออกไปได้ง่าย ซึ่งถ้าเราจ่ายสัญญาณออกไปยังห้องB/C โดยใช้ AUX1/AUX2 จ่ายออกไปมันจะควบคุมสัญญาณได้ยากเพราะต้องมานั่งมุนขึ้นหมุนลงทีละชเเนลๆ อะไรประมาณนั้นครับ ข้างบนที่ผมใช้คำจำกัดความว่า L+R กับ MONO นั้นอาจจะเเคบไปหน่อยก็เลยขยายความอีกที ถูกผิดประการใดช่วยชี้เเนะด้วยนะครับ
-
matrix ก็คือ output อีกทางหนึ่งครับ อยู่ที่ว่าเราจะส่งอะไรออกไป
ยกตัวอย่างการใช้งานง่าย ๆ นะครับ
ผมส่งสัญญาณจาก main out LR ไปที่ matrix (stereo) 1,2,3,4,5,6 ในระดับ 0 dB นะครับ
จากนั้นผมจะส่ง...
matrix 1,2 ไปยัง controller input A,B เพื่อควบคุมตู้ซับ
matrix 3,4 ไปยัง controller input C,D เพื่อควบคุมตู้ไลน์อาเร่ย์
matrix 5,6 ไปยัง ทีมบันทึกภาพ OB
ลำโพงบางช่วงโด่งไป ต้องทำอีคิว ผมก็ทำอีคิวแค่ matrix 1,2 หรือ 3,4 ซึ่งเสียงที่เราส่งไป OB ก็จะยังคงเหมือนเดิม
บางช่วงต้องการความดังเพิ่มขึ้นอีก เราก็เร่งที่ matrix 1,2 3,4 ส่วนที่เราส่งไป OB ก็จะยังคงดังเท่าเดิม