eXtreme Community
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: ประจนส์ ที่ วันที่ 23 ตุลาคม 2009, 23:33:40 น.
-
ผมใช้ระบบ PA ทั้งหมดสำหรับ Karaoke ในบ้าน ที่ปุ่มปรับ Gain ของ Mixer มีกำกับ DB และ DBu ไว้อยากทราบความหมายครับท่านผู้ชำนาญทุกท่าน และการ Set Level อุปกรณ์ต่างๆ ควร Set +4 DB หรือ -10 DB ครับ
-
ผมใช้ระบบ PA ทั้งหมดสำหรับ Karaoke ในบ้าน ที่ปุ่มปรับ Gain ของ Mixer มีกำกับ DB และ DBu ไว้อยากทราบความหมายครับท่านผู้ชำนาญทุกท่าน และการ Set Level อุปกรณ์ต่างๆ ควร Set +4 DB หรือ -10 DB ครับ
เอารูปมิกซ์มาลงให้ดูทีครับ
-
ยาวววววววววววววว มากครับ ต้องเข้าใจเรื่อง Log ก่อนครับ ;D ;D ;D
รอผู้รู้ครับ ;D ;D ;D ;D
-
ตอบครับผม
dB เป็นหน่วย วัดกำลัง สอง กำลัง ในอัตราส่วนที่เหมือนกับหูของคนเราได้ยินครับ ส่วนตัวหนังสือต่อท้าย เช่น dBu ก็เพื่อกำกับหน่วยเท่านั้น u = unloade ถ้าเป็น m = milliwatt V = volt อะไรประมาณนี้ครับ เพราะพลังงานทางไฟฟ้านี้มีหลายแบบ ก็เลยต้องต่อท้ายให้รู้ว่าเป็นแบบไหนก็เท่านั้นเองครับ
+ 4dBu(dBm) และ -10 dBv นี่เราจะพบบ่อยใน spec ของ input และ out put ของอุปกรณ์เครื่องเสียง นั่นคือเรื่องของความแรงของ line level ที่แต่ละเครื่องสามารถรับได้ หรือ สามารถส่งได้ ครับ
ทั้งสองค่านี้อ้างอิง เกี่ยวพัน ถึง ความเป็น low impedance กับ high impedance ครับ นั่นก็คือ balance ละ unbalance นั่นเอง
เอาเป็นว่าจำง่ายๆว่า +4 ทำงานร่วมกับ +4 (professional level)
-10 ทำงานร่วมกับ -10 เท่านั้นเองครับ
+4 line level output ย่อมแรงเกิน กว่าที่ input -10 จะรับได้ (เสียงคงแตกไปหมดแล้ว ลด gain ยังไงก็คงไม่พอ)
-10 line level output ย่อม อ่อนแรง เกินกว่าที่จะเหมาะสมกับ input +4 ครับ ( เราคงต้องเปิด gain input เยอะจนมี noise ของระบบเข้ามาในสัญณาน)
ถามว่าทำไมไม่ใช้หน่วยเดียวกันซะเลยหล่ะ คำตอบก็คือ low กับ high impedance นั่นเองครับ มันขึ้นอยู่กัยเครื่องที่เราใช้เป็นระบบไหน เขาถึงใช้หน่วยของ dB มาช่วยอธิบายครับ
ให้รู้ referance ว่า 0 dB ของแต่ละเครื่อง นั้นน่ะ มันเท่ากันหรือเปล่า ไม่แรง เกินไป ไม่เบาเกินไป ก็เท่านั้นเองครับ
หากผิดพลาดเชิญทักท้วงได้ครับผม
-
คัก ๆๆๆๆ รอรูปมิกซ์เพื่อการปรับแต่งครับ
-
dB เป็นหน่วยวัดของพาวเวอร์หรือความเข้ม ครับ เช่นแสงที่ใช้ในไฟเบอร์ออฟติค ตามเส้นทางรถไฟมีค่าเท่ากับ 1330 dBm ของ TOT
หรือ EGAT,CAT,PEA 1550 dBm หรือระบบเครื่องเสียงใช้สำหรับอ้างอิง เช่น 0 dB
เอาตามหลักทางวิศวกรรมมาจาก
(http://upload.wikimedia.org/math/3/5/a/35a09a3f3812c4fd369bf3fea2b719b0.png)
ถ้าวัดเดซิเบล 0dBm หมายถึงกำลังที่เท่ากับ 1 มิลลิวัตต์
-6 dBm หมายถึง 6 dBm ที่น้อยกว่า 0 หรือกำลัง 10 ยกกำลัง −6/10 คูณด้วย 1 mW
dBu คือหน่วยวัดแรงดันไฟฟ้าใช้ใน audio (พวกโปร) 0dBu เท่ากับ 0.775V.
-
ขอบคุณทุกๆท่านสำหรับคำอธิบาย พรุ่งนี้จะนำรูป System ทั้งหมดมาให้ดูวันนี้ดูรูป Mix Behringer 1622 FX ที่ผมใช้อยู่ในปัจจุบันก่อนนะครับ และขอคำชี้แนะเพิ่มเติมนะครับ
1.ผมต่อไมค์เข้า Compressor >Anti Feed Back>Mixer>Controller Markwell>Power Amp Yamaha 250 W.>Markwell Force 1 Pro โดยใช้ สายสัญญาณ Balance ทั้งหมด ปรับ Gain Mic 9 นาฬิกา สังเกตุ Signal Level ที่ Anti Feed Back ค่อนข้างต่ำ
2.ผมต่อไมค์เข้า Compressor >Mixer>Anti Feed Back (Ch Insert)>Controller Markwell>Power Amp Yamaha 250 W.>Markwell Force 1 Pro โดยใช้ สายสัญญาณ Balance ทั้งหมด ปรับ Gain Mic 9 นาฬิกา สังเกตุ Signal Level ที่ Anti Feed Back ค่อนข้างสูง
การต่อทั้งสองวิธีข้างต้นควรต่อวิธีไหนครับ หรือมีวิธีการต่อที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่า กรุณาแนะนำด้วยครับ (ผมใช้ Effect ร้องภายนอกนะครับ)
อีกข้อนะครับ ผมมีความคิดที่จะหา dbx DriveRack PA+ มาใช้ในระบบ โดยตัด Comp,Anti FeedBack และ Controller Markwell ออก จะเหมาะสมหรือไม่ขอคำชี้แนะด้วยนะครับ
-
ยาวววววววววววววว มากครับ ต้องเข้าใจเรื่อง Log ก่อนครับ ;D ;D ;D
รอผู้รู้ครับ ;D ;D ;D ;D
ผมเคยทะเลาะกับแม่ค้าที่บ้านหม้อเรื่องนี้ล่ะ
วันนั้นไปหาซื้อ วอลุ่ม ชนิด B
บังเอิญว่าในร้าน มีแต่ชนิดเอ
ผมก็บอกไปว่า ไม่เอา เอมันเป็นล็อก
ผมต้องการแบบบี ซึ่งเป็นลิเนียร์
แม่ค้าก็เลยเอาวอลุมมา หมุนให้ผมดู ไหน มันล็อกตรงไหน
จะเอรึบี เสียงมันก็เหมือนๆกันนั่นล่ะ ใช้ได้เหมือนกัน
เหอๆ
ผมก็เลยรีบกล่าว ขอบคุณครับ แล้วเดินหนี ไปร้านใต้บันใด เพื่อไปเห็นหน้าใสๆของแม่ค้าอีกคน
:)
-
(http://upload.wikimedia.org/math/3/5/a/35a09a3f3812c4fd369bf3fea2b719b0.png)
ขออนุญาตยืมรูปท่านมานพนะครับ
จากสูตรนี้เป็นการวัด อัตราการขยาย
โดยมีหน่อยเป็น W อัตราการขยายกำลัง 1 เท่า เท่ากับ 3 dB เช่นกำลังขาเข้า 1 W กำลังที่ขาของ 2 W นั่นหมายความว่าวงจรนี้มีอัตราการขยาย 3dB
แต่ถ้าเป็น Volt หรือ Amp ก็เปลี่ยนจากเลข 10 ข้างหน้า เป็น 20 และเปลี่ยนหน่วยวัดเป็น Volt หรือ Amp จะทำให้อัตราการขยายกระแสและแรงดัน 1 เท่า จะ
เท่ากับ 6dB เช่น แรงดันขาเข้า 1 Volt
แต่ได้แรงดันขาออก 2 Volts นั่นหมายความว่า วงจรนี้มีเกนการขยายแรงดัน 6dB
อนึ่งท่านเคยสงสัยไหมครับ ว่าหน่วยข้างหน้านั้นทำไมใช้สัญลักษณ์ เป็น d ทำไมไม่ใช้ D
d=Deci หมายถึงหนึ่ในสิบหรือ (1/10) ของหน่วยวัดแค่นั้นเองนะครับ
ผมเคยทะเลาะกับแม่ค้าที่บ้านหม้อเรื่องนี้ล่ะ
วันนั้นไปหาซื้อ วอลุ่ม ชนิด B
บังเอิญว่าในร้าน มีแต่ชนิดเอ
ผมก็บอกไปว่า ไม่เอา เอมันเป็นล็อก
ผมต้องการแบบบี ซึ่งเป็นลิเนียร์
แม่ค้าก็เลยเอาวอลุมมา หมุนให้ผมดู ไหน มันล็อกตรงไหน
จะเอรึบี เสียงมันก็เหมือนๆกันนั่นล่ะ ใช้ได้เหมือนกัน
เหอๆ
ผมก็เลยรีบกล่าว ขอบคุณครับ แล้วเดินหนี ไปร้านใต้บันใด เพื่อไปเห็นหน้าใสๆของแม่ค้าอีกคน
:)
เรื่องของ วอลลุ่ม หรือ โพเทนชิโอมิเตอร์(POT) นั้นคนขายน้อยนักจะรู้จัก ผมต้องการซื้อมาใช้งานเป็น วอลลุ่ม ไม่ใช่โทน ผมบอกผู้ขายว่าเอา 500kA
เขาบอกมีแต่ B มันก็เหมือนกันนั่นแหละ ก็เลยต้องขอผ่าน นี่ยังไม่พูดถึงแบบ C ซึ่งผสมกันระหว่าง A กับ B และแบบ Antilog อีก อิอิ เดี๋ยวจะยาวววววว
เอาแค่นี้ก่อน ตามเท่าที่เด็กวัดอย่างผมอ่านเจอในถุงกล้วยแขกมาซึ่งพอจะจำได้เท่านี้ครับครับ ;D ;D ;D ;D
-
เอาแค่นี้ก่อน ตามเท่าที่เด็กวัดอย่างผมอ่านเจอในถุงกล้วยแขกมาซึ่งพอจะจำได้เท่านี้ครับครับ
นี่ขนาดถุงกล้วยแขกยังขนาดนี้ ถ้าอ่านเจอมาจากถุงบักสีดาจะขนาดไหน เหอะ ๆๆๆๆ