eXtreme Community
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: tst2515 ที่ วันที่ 26 กันยายน 2015, 16:24:38 น.
-
(http://www.mx7.com/t/6ae/BgpBSN.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yCK8NgjFoPwZ8Fn5)
Power Amp ไหม้ เลยได้ไปรับบริการจากช่างผู้ชำนาญงาน แต่...ทำไม เปลี่ยน R ไม่ตรงรุ่น แล้วจะแทนกันได่ไหมครับ ไม่รู้จริงๆครับ :thank1:
-
ความต้านทานและวัตต์น่าจะเท่ากันต่างที่แถบสีค่าความผิดพลาดตัวเดิมน่าจะ 1% ตัวใหม่น่าจะ 5%
-
ถ้าให้เดา ผมว่าเสียงน่าจะดีกว่าของเดิมนะครับ
-
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ :thank1: :thank1: :thank1:
-
ถ้าให้เดา ผมว่าเสียงน่าจะดีกว่าของเดิมนะครับ
เนาะ ดีกว่า ทนกว่า :th2: :th2: :th2: :th2: :th2: :th2: :th2: :th2:มั๊ง ทดลองเลย
-
ความต้านทานและวัตต์น่าจะเท่ากันต่างที่แถบสีค่าความผิดพลาดตัวเดิมน่าจะ 1% ตัวใหม่น่าจะ 5%
ครับ ตามท่านเสน่ห์ แบบเดิมเสียงดีกว่าครับ เพราะค่าความผิดพลาดน้อยกว่า
-
ตัวนี้เสียงดี หรือ ไม่ดี อยากรู้เหมือนกันไม่เคยใช้
(http://www.uppic.org/image-EFD8_5609DBCA.jpg) (http://www.uppic.org/share-EFD8_5609DBCA.html)
ที่มาของภาพ
http://forum.speakerplans.com/odep-crown-macrotech_topic25960_page5.html
-
(http://www.mx7.com/t/6ae/BgpBSN.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yCK8NgjFoPwZ8Fn5)
Power Amp ไหม้ เลยได้ไปรับบริการจากช่างผู้ชำนาญงาน แต่...ทำไม เปลี่ยน R ไม่ตรงรุ่น แล้วจะแทนกันได่ไหมครับ ไม่รู้จริงๆครับ :thank1:
1% ดีกว่า 5% ครับ ช่างเปลี่ยนให้มา ดีกว่าของเดิม
-
ขออนุญาตขยายภาพ
(http://www.uppic.org/image-ECD4_560B2A6B.jpg) (http://www.uppic.org/share-ECD4_560B2A6B.html)
คืออยากให้ท่านเจ้าของกระทู้ แฮปปี้ นะครับ ฟังเสียงไม่ต่างกันเป็นใช้ได้
ส่วนจะเอาสุดยอดนั้นเป็นอีกเรื่อง
อธิบายเพิ่มตามวงกลม R ที่เปลี่ยน เป็นชนิด คาร์บอนฟิลม์ ความผิดพลาด 5% ทนแรงดัน 1/4 W ให้เสียงที่นุ่มนวลสดใส
ผู้ออกแบบวงจรที่เก่งจะเลือกใช้ในบางจุดหรือหลายๆ จุด ของพาวเวอร์แอมป์ เป็นการจูนเสียง เช่นแอมป์คราวน์ และสุดยอดแอมป์ทั้งในบ้านและเครื่องพีเอ
ส่วน R เดิมสีออกน้ำเงินฟ้า เป็นแบบเมทอลฟิลม์ ความผิดพลาด 1 % ให้เสียงที่คมบาดหู ผู้ออกแบบวงจรจะเลือกใช้ให้ถูกที่ถูกทางครับ
R ทั้งสองประเภท ราคาเท่ากันคือประมาณ 100 ตัว 20 บาท ผมจะซื้อที สองสามร้อยตัวมาคัดจับคู่เก็บไว้ใช้งาน DIY ให้เสียงซ้ายและขวาเท่ากัน
จุดที่ช่างเปลี่ยนให้ตามวงกลม ผมถือว่าช่างเขามีภูมิความรู้ เพราะเป็นจุดที่แอมป์ระดับโลกเขาใช้กันคือ คาร์บอนฟิลม์ความผิดพลาด 5 % ครับ
คาร์บอนฟิลม์ ตัวละ 25 บาท
(http://www.uppic.org/image-5FA2_560B33EC.jpg) (http://www.uppic.org/share-5FA2_560B33EC.html)
คาร์บอนฟิลม์ ตัวเล็ด 150 ตัวใหญ่ 220 บาท เอามาใช้ในทางเดิญสัญญาณแอมป์ ความผิดพลาด 5% แต่เสียงฟังแล้วหลงเสียงนางเลยครับ
(http://www.uppic.org/image-416B_560B33EC.jpg) (http://www.uppic.org/share-416B_560B33EC.html)
-
องค์ความรู้มาเองเลย กราบขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่สละเวลาเข้ามาตอบ ขอบพระคุณท่านมากครับ
-
ถ้าอย่างนั้นผมคงเข้าใจผิดมาตลอด ทั้งคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาผลิต กับค่าความคลาดเคลื่อน ผมเข้าใจว่าเบอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนน้อย ซึ่งถือว่ามีค่าความผิดพลาดน้อยมาก และยังทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจากภายนอกได้ดี สัญญาณรบกวนน้อยเมื่อเทียบกับตัวต้านทานชนิดอื่น ๆ {ใน 6 ชนิดทีนิยมใช้ในในวงจรทางด้านอิเล็กทรอนิกส์โดยทั่วไป(1. ตัวต้านทานชนิดคาร์บอนผสม (Carbon Composition)
2. ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)
3. ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน ( Carbon Film)
4. ตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์ (Wire Wound)
5. ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนา ( Thick Film Network)
6. ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มบาง ( Thin Film Network)}
น่าจะดีกว่าตัวอื่น เพราะมันเป็นคุณสมบัติของ ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)
ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)
ตัวต้านทานแบบค่าคงที่แบบฟิล์มโลหะทำมาจากแผ่นฟิล์มบางของแก้วและโลหะหลอมเข้าด้วยกันแล้วนำไปเคลือบที่เซรามิค ทำเป็นรูปทรงกระบอก แล้วตัดแผ่นฟิล์มที่เคลือบออกให้ได้ค่าความต้านทานตามที่ต้องการ ขั้นตอนสุดท้ายจะทำการเคลือบด้วยสารอีป๊อกซี (Epoxy) ตัวต้านทานชนิดนี้มีค่าความผิดพลาดบวกลบ 0.1% ถึงประมาณบวกลบ 2% ซึ่งถือว่ามีค่าความผิดพลาดน้อยมาก นอกจากนี้ยังทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจากภายนอกได้ดี สัญญาณรบกวนน้อยเมื่อเทียบกับตัวต้านทานชนิดอื่น ๆ
ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน ( Carbon Film)
ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน เป็นตัวต้านทานแบบค่าคงที่โดยการฉาบผงคาร์บอนลงบนแท่งเซรามิคซึ่งเป็นฉนวน หลังจากที่ทำการเคลือบแล้วจะตัดฟิล์มเป็นวงแหวนเหมือนเกลียวน๊อต ในกรณีที่เคลือบฟิลม์คาร์บอนในปริมาณน้อยจะทำให้ได้ค่าความต้านทานสูง แต่ถ้าเพิ่มฟิล์มคาร์บอนในปริมาณมากขึ้นจะทำให้ได้ค่าความต้านทานต่ำ ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะมีค่าความผิดพลาด บวกลบ 5% ถึง บวกลบ 20% ทนกำลังวัตต์ตั้งแต่ 1/8 วัตต์ ถึง 2 วัตต์ มีค่าความต้านทานตั้งแต่ 1 ถึง 100M
:cry:
-
ถ้าอย่างนั้นผมคงเข้าใจผิดมาตลอด ทั้งคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาผลิต กับค่าความคลาดเคลื่อน ผมเข้าใจว่าเบอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนน้อย ซึ่งถือว่ามีค่าความผิดพลาดน้อยมาก และยังทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจากภายนอกได้ดี สัญญาณรบกวนน้อยเมื่อเทียบกับตัวต้านทานชนิดอื่น ๆ {ใน 6 ชนิดทีนิยมใช้ในในวงจรทางด้านอิเล็กทรอนิกส์โดยทั่วไป(1. ตัวต้านทานชนิดคาร์บอนผสม (Carbon Composition)
2. ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)
3. ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน ( Carbon Film)
4. ตัวต้านทานแบบไวร์วาวด์ (Wire Wound)
5. ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มหนา ( Thick Film Network)
6. ตัวต้านทานแบบแผ่นฟิล์มบาง ( Thin Film Network)}
น่าจะดีกว่าตัวอื่น เพราะมันเป็นคุณสมบัติของ ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)
ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะ ( Metal Film)
ตัวต้านทานแบบค่าคงที่แบบฟิล์มโลหะทำมาจากแผ่นฟิล์มบางของแก้วและโลหะหลอมเข้าด้วยกันแล้วนำไปเคลือบที่เซรามิค ทำเป็นรูปทรงกระบอก แล้วตัดแผ่นฟิล์มที่เคลือบออกให้ได้ค่าความต้านทานตามที่ต้องการ ขั้นตอนสุดท้ายจะทำการเคลือบด้วยสารอีป๊อกซี (Epoxy) ตัวต้านทานชนิดนี้มีค่าความผิดพลาดบวกลบ 0.1% ถึงประมาณบวกลบ 2% ซึ่งถือว่ามีค่าความผิดพลาดน้อยมาก นอกจากนี้ยังทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจากภายนอกได้ดี สัญญาณรบกวนน้อยเมื่อเทียบกับตัวต้านทานชนิดอื่น ๆ
ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน ( Carbon Film)
ตัวต้านทานแบบฟิล์มคาร์บอน เป็นตัวต้านทานแบบค่าคงที่โดยการฉาบผงคาร์บอนลงบนแท่งเซรามิคซึ่งเป็นฉนวน หลังจากที่ทำการเคลือบแล้วจะตัดฟิล์มเป็นวงแหวนเหมือนเกลียวน๊อต ในกรณีที่เคลือบฟิลม์คาร์บอนในปริมาณน้อยจะทำให้ได้ค่าความต้านทานสูง แต่ถ้าเพิ่มฟิล์มคาร์บอนในปริมาณมากขึ้นจะทำให้ได้ค่าความต้านทานต่ำ ตัวต้านทานแบบฟิล์มโลหะมีค่าความผิดพลาด บวกลบ 5% ถึง บวกลบ 20% ทนกำลังวัตต์ตั้งแต่ 1/8 วัตต์ ถึง 2 วัตต์ มีค่าความต้านทานตั้งแต่ 1 ถึง 100M
:cry:
เข้าใจไม่ผิดหรอกครับ
เพียงแต่การนำมาใช้นั้นต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง
อาทิ นำมาใช้ในเครื่องมือแพทย์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง ผิดพลาดนิดเดียวคนไข้อาจตายได้
หรือผิดพลาดนิดเดียว ดาวเทียมหลุดวงโคจรหายไปเลย เงินหลายพันล้านหายวับกับตา
ส่วนในเรื่องระบบเสียง พวก R , C , L ฯลฯ เรายอมให้มีความคลาดเคลื่อน บวก ลบ ได้ครับ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบวงจร นั้นๆ
อย่างเช่น วงจรแอมป์หลอด R ที่ใช้ ถ้าเป็น Carbon Composite เสียงจะถูกใจนักเล่นหลอดมากๆ
แม้จะมีความเพี้ยนสูง แต่เป็นความเพี้ยนเชิงฮาร์มอนิก ฟังแล้วไพเราะครับ
ส่วนในวงจร DAC ที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง ส่วนใหญ่ จะใช้ R ความผิดพลาด 1 %
ในวงจรพาวเวอร์แอมป์โซลิด ในจุดที่ต้องการความแม่นยำก็ใช้ R 1% ครับ
แต่ในภาคไดว์ ภาคพาวเวอร์ส่วนใหญ่เลือก คาร์บอนฟิลม์ 5% ครับ
ลองดาวน์โหลด Service manual หรือ User Manuul ค่ายดังๆ มาดูได้ครับ
เขาจะระบุ ค่า R ในภาคส่วนของวงจรชัดเจน
เรื่องของเสียงจากเครื่อง จึงอยู่ที่ศิลปของคนออกแบบวงจร ออกแบบวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในแต่ละจุด
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ R , C , เส้นสายเดินภายใน ครับ
วงจรคราวน์
(http://www.uppic.org/image-7030_560CD6AC.jpg) (http://www.uppic.org/share-7030_560CD6AC.html)