กระทู้ข้างบนก็กล่าวรวมๆไว้ ทั้งสามสถานะ คือเจ้าของเครื่อง ซาวด์แมน และนักดนตรี
อันนี้จะมาเข้าเรื่องที่ตรงกับหัวข้อกระทู้ เอามาบอกกล่าวกันไว้ จะได้ไม่มีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน ระหว่างนักดนตรีกับคนทำเครื่องเสียง
เรื่องแรกคือแบนด์เกียร์ หรือที่เรียกว่าเครื่องวง โดยความจำเป็นที่เราต้องขึ้นเครื่องไปเล่น หรือวันเดียวมีงานหลายคิว เราก็หอบหิ้ว
เอาส่วนอุปกรณ์ที่สำคัญไปเท่าที่ทำได้ ดังนั้นอุปกรณ์ที่เราต้องให้จัดหาเช่ามาให้ใช้ก็มีความจำเป็นที่ ต้องพร้อมใช้และตรงตาม
สเป็คที่ได้ส่งไปให้ ถ้ามีความจำเป็นก็ขอให้ใกล้เคียง ถ้าอุปกรณ์ไม่พร้อม เช่นตู้เบส ตู้กีตาร์ ครืดๆคราดๆ เปียโนคีย์รั่วดัง โป้ง เป็ง
หรือบอดไปเลย หนังกลองตายด้าน ไม่มีแอมเบี้ยนเหลือแล้ว อันนี้แย่เราอันดับแรก อันดับต่อไปคือเรื่องมอนิเตอร์ ที่เจ้าอ๊อฟมันว่าเล่นไปอ๊วกไป
แหม..มันน่าจะเป็นนักดนตรีซะหน่อยนะ จะได้เข้าใจความละเอียดอ่อนตรงนี้ ทำไมเวทีใหญ่ๆ เขาถึงต้องมีมิกซ์มอนิเตอร์ มันสำคัญมาก
ถ้าทำไม่ดี ก็ไปกันไม่เป็นเลย ไม่งั้นจะมีดราม่าเอาน้ำจิ้มราดมอนิเตอร์ของวงรุ่นใหญ่แบบคาราบาวเหรอ
งานล่าสุดเราต้องบินไปเล่นงานตรุษจีนหาดใหญ่ ไปซาวด์เช็ค อุปกรณ์โอเค ตู้กีตาร์ ตู้เบส เปียโน มีปัญหานิดเดียวที่กระเดื่อง มันไม่ทึบ
ก็จัดการตามที่เห็นในรูป หมุนหนังให้มีพื้นที่เอาตัวซับเสียง(หมอนดีๆหนึ่งใบ)เข้าไปวางได้ สแนร์ เครื่องทองเหลือง ตัวกระเดื่องสองเท้า
(ใช่เล่นเพลงเดียว ในสคริปท์) เอาไปเองหมด คนนี้เล่นแบ็คอัพ พลพล มอส และเป็กกี้ เป็นนักดนตรีธรรมดา ไม่เทพ ซาวด์ดี เซ็คซาวด์มอนิเตอร์บนเวทีดี
เพราะเข้าใจเรื่องซาวด์ระดับหนึ่ง ที่บ้านทำห้องบันทึกเสียง
มอนิเตอร์ทั้งหมดบนเวทีเป็น QSC ใช้ทั้งหมด 5 AUX ยิ่งกว่าเล่นไปอ๊วกไป แค่ปรับแต่ละ AUX ก็งานใหญ่กว่าปรับ PA แล้ว
จะมาจำแนกว่ามันต้องทำอะไรที่ AUX ไหนบ้าง สำหรับวงนี้ AUX1+2 เป็น ฟร้อน เอาเสียงร้องนำ ต้องคัดความถี่จนไม่หอน ในความดังที่ต้องการ
มีไลน์ดนตรี(จาก Audio Interface ส่งผ่าน DI Box สองไลน์) กลองเป็น เลเยอร์ที่สอง ไม่เอากีตาร์สด และเสียงประสาน
AUX 1 สองใบด้านหน้าไม่ตรงกลาง แยกออก หันมุมเเข้าหาหูศิลปิน AUX2 สองใบถ่างออกไปด้านข้างให้แดนเซอร์ฟัง ถ้าส่งไม่พอดี
กับเสียงกลองจริงด้านหลัง แดนซ์เซอร์เข้าผิดห้อง ผิดไลน์กันไปอีก ถึงกับเดินชนกันเลย เพราะแถวหนึ่งฟังมอนหน้า อีกแถวไม่ได้ยิน
AUX 3 เป็นของผม กับมือกีตาร์ เอาเสียงร้องศิลปิน เสียงดนตรี และเปียโน กลอง เสียงไมค์ตัวเอง เสียงไมค์ประสาน เสียงกีตาร์ เบส
AUX 4 ให้มือเบส เอากระเดื่อง เอาเบสของตัวเอง เสียงร้องนำ และไลน์ดนตรี
AUX 5 ให้มือกลอง ลำโพงสองใบขนาบหูซ้าย ขวา เอาเสียงร้องนำ เอาไลน์ดนตรี และเสียงกลองของตัวเอง
ถ้าทำตรงนี้ไม่ดี บอกได้ว่า แทบไปไม่เป็นกันทีเดียว เรื่องการบาลานซ์หน้า PA ซาวด์แมนของเราเอง เขาจัดการ ซึ่งแต่ละเพลงไม่เหมือนกัน
เขาต้องคุมตลอด เพลงนี้เน้นที่เครื่องอะไร ต้องจัดการให้เหมาะสม ระหว่างเรากับเขาก็มีการนัดสัญญาณมือไว้กันล่วงหน้าครับ
แต่ละ AUX ต้องจัดการอีคิวและบาลานซ์ให้ดีก่อนเริ่มเล่น เต็มที่ก็ขอได้นิดหน่อย ที่มอนิเตอร์ตัวเอง ต้องส่งสัญญานกันให้ดีว่าจะขออะไร
สุ่มสี่สุ่มห้า มันหอน มันดังเกิน เสียหน้าช่างมิกซ์เปล่าๆ
ก็จะเห็นว่ามันสำคัญ ไม่ใช่แค่เล่นไปอ๊วกไป ก็อยากให้รู้นะว่าสำคัญ แล้วที่ว่าไมค์เสียงมันไม่อ้วน มันไม่ใช่ตรงโลว์คัท ไม่คัท
ถ้าเป็นของผมมันจะหมายความว่ามันไม่มีเนื้อ ตรงนี้ก็ต้องมาลองคิดว่าเราทำอะไรได้กับมัน ถ้าเป็นดิจิตอลก็ไม่ยาก แต่ถ้าอนาล็อก
มันก็อยู่ตรงที่เขาถามหาแหระ ว่าเสียงกลางมันอยู่ตรงไหน มันมี มิดไฮ มิดโลว์ เกลี่ยดีๆ เสียงมันอ้วนขึ้น มีเนื้อหนังมังสาเพิ่มได้อีก
เรื่องน้ำหนักกลองที่ว่าไม้จิ้มฟันฟาด ก็น่าจะเหมือนที่วง ตอนเช็คซาวด์รวมๆก่อนซาวด์เพลงจริง ก็ใช้เด็กๆผู้ช่วยเรา พอรู้ ตีๆ เหยียบๆ ลองสัญญานก่อน
เพื่อจะได้รู้ไมค์ไหนจ่ออะไรแชนแนลไหน มันดังไหม ถ้าเจ้าของเครื่องไม่ปรีเซทไว้ให้ก่อน จะได้ไม่เหนื่อยมือกลองจริง แล้วถ้าเขาหยุดเหยียบ ไปตีตัวอื่นต่อ
ก็น่าจะหมายความว่าเขาพอใจซาวด์ตรงนั้นแล้ว
ที่ว่ามานี้ก็คือในสถานะนักดนตรี มีเวลามาว่ากันต่อ อันนี้บอกลูกบอกหลาน จะได้เอาไว้ใช้กัน ไม่อคติต่อกันทั้งนักดนตรีและคนทำเครื่องเสียง
ส่วนในสถานะเจ้าของเครื่องตอนนี้ไม่ค่อยได้ไปเอง งานเล็ก กลางๆ ก็ให้ลูกชายไป ถ้างานใหญ่ก็ให้น้ายอดแกมาดูแล ก็เลยไม่ค่อยอัพเดทสเตตัส
แต่ได้ยินมาแว่วๆ ไม่รู้จริงหรือเปล่าว่า น้ายอดบอกนักดนตรีว่า "พี่จะเอาอะไรก็บอกน้องๆเขา เดี๋ยวเขาก็จัดการหาให้ ไม่ต้อง ไอ้เหี้ย ไอ้สัส หรอก"
อย่างนี้ไม่ใช่นักดนตรีเทพแล้วครับ นักดนตรีเหี้ย เลยแระ เฮ้อ....หัวอกคนทำเครื่องเสียง